วรศิลป์ฟาร์ม จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ปั้นเนื้อวัวคุณภาพด้วยหัวใจและนวัตกรรม
ที่วรศิลป์ฟาร์มการเลี้ยงวัวไม่ได้เป็นแค่เรื่องของอาชีพ แต่คือหัวใจที่ส่งต่อจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูกอย่างแท้จริง ซึ่งจุดเริ่มต้นของคุณภาพเนื้อวัวที่ดีเริ่มจากการคัดเลือกสายพันธุ์อย่างใส่ใจ โดยใช้น้ำเชื้อวัวจากต่างประเทศมาปรับปรุงพันธุ์แม่วัวในฟาร์มเพื่อให้ได้ลูกวัวที่มีโครงสร้างดี แข็งแรง และให้เนื้อคุณภาพสูง
แต่ความลับของการเลี้ยงวัวเนื้อไม่ใช่แค่พันธุกรรมที่ดีเท่านั้น หัวใจสำคัญอยู่ที่การดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะวัวเนื้อต้องการการเอาใจใส่มากกว่าวัวสายพันธุ์อื่น ๆ ทุกขั้นตอนตั้งแต่การให้อาหาร การจัดการคอก ไปจนถึงการดูแลสุขภาพ ล้วนมีผลต่อคุณภาพเนื้อโดยตรง
รุ่นลูกอย่าง คุณเฟรม วรกิตต์ พันธ์ลิมา เกษตรกรรุ่นใหม่ที่เข้ามาสานต่อความตั้งใจของครอบครัว นำนวัตกรรมและองค์ความรู้ใหม่ๆ เข้ามาพัฒนา ไม่เพียงแค่พัฒนาสายพันธุ์แต่ยังเข้าใจตลาด รู้ความต้องการของผู้บริโภค และเริ่มสร้างแบรนด์ฟาร์มให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพราะเนื้อวัวที่ดี ไม่ได้เกิดแค่จากการเลี้ยงที่ดี แต่ต้องเข้าใจทั้งวัว และ ผู้บริโภค อย่างลึกซึ้งด้วย
ยกระดับเนื้อวัวไทยให้สู้เนื้อนอก
วรศิลป์ฟาร์ม คืออีกหนึ่งตัวอย่างของฟาร์มที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องจากรากฐานของครอบครัวเกษตรกร สู่การเลี้ยงวัวเนื้อแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
จากจุดเริ่มต้นที่เคยทำเกษตรทั่วไป เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู แต่เมื่อเผชิญกับวิกฤติภัยธรรมชาติ ทำให้ครอบครัวต้องปรับเปลี่ยนอาชีพ และเริ่มต้นใหม่ด้วยวัวเพียง 1 ตัว กับควายอีก 1 ตัว แต่ด้วยความเข้าใจในพื้นที่และความต้องการของตลาด ที่นิยมการซื้อขายวัวมากกว่า ฟาร์มจึงค่อย ๆ ขยายจำนวนวัวขึ้นเรื่อย ๆ จากวัวเนื้อทั่วไปสู่การพัฒนาพันธุ์อย่างจริงจัง
ปัจจุบัน วรศิลป์ฟาร์ม มีวัวมากกว่า 700 ตัว และดำเนินงานแบบครบวงจร ทั้งการเลี้ยงแม่พันธุ์เพื่อผลิตลูกวัว ขุนวัวระยะกลาง ไปจนถึงการส่งต่อวัวคุณภาพสู่โรงแปรรูป การเลี้ยงวัวที่นี่ไม่ใช่แค่การผลิต แต่คือการพัฒนา จากวัวเนื้อเกรดทั่วไป สู่การใช้เทคโนโลยีผสมผสานกับประสบการณ์ เพื่อยกระดับเนื้อวัวไทยให้เทียบชั้นเนื้อนำเข้า ทั้งหมดนี้คือการต่อยอดและพัฒนาให้ฟาร์มเติบโตด้วยความรู้ ความเข้าใจ และหัวใจของเกษตรกร
จากความรู้สู่คุณภาพ ยกระดับเนื้อวัวไทยด้วยการปรับปรุงสายพันธุ์
การเลี้ยงวัวไม่ใช่แค่เรื่องของการให้อาหารและการดูแลประจำวันเท่านั้น แต่คือการพัฒนาอย่างเป็นระบบเพื่อยกระดับคุณภาพเนื้อวัวไทยให้เทียบชั้นกับต่างประเทศ
คุณเฟรม ทายาทรุ่นใหม่ของฟาร์ม จบการศึกษาจาก คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาโคนม-โคเนื้อ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ นำความรู้เชิงวิชาการมาผสานกับประสบการณ์ภาคสนาม ปรับปรุงสายพันธุ์วัวไทยผ่านการใช้ น้ำเชื้อวัวต่างประเทศ ผสมกับแม่วัวในฟาร์ม โดยมีการติดตามลักษณะและผลลัพธ์ของแต่ละสายพันธุ์อย่างใกล้ชิด เพื่อคัดเลือกวัวที่ให้เนื้อคุณภาพดีที่สุด ทั้งด้านน้ำหนัก ความนุ่ม ความฉ่ำ
เบื้องหลังเนื้อวัวพรีเมียม อยู่ที่การจัดการอาหารคุณภาพ
กว่าจะได้เนื้อวัวคุณภาพระดับพรีเมียม ไม่ใช่แค่เรื่องของสายพันธุ์หรือการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดเท่านั้น แต่อาหารคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาคุณภาพเนื้ออย่างแท้จริง
ที่ วรศิลป์ฟาร์ม มีวัวมากถึง 700 ตัว ซึ่งต้องการอาหารทั้งชนิด อาหารหยาบ และ อาหารข้น ในปริมาณรวมกันมากถึง 10 ตันต่อวัน โดยจะแบ่งให้กินวันละ 2 มื้อ เช้า-เย็น ซึ่งวัตถุดิบที่ใช้ ได้แก่ เปลือกข้าวโพด เปลือกสับปะรด กากมัน กากปาล์ม ซึ่งทั้งหมดจะนำมาผสมรวมกันด้วยเครื่อง TMR (Total Mixed Ration) เพื่อคลุกเคล้าอาหารให้เข้ากันและได้สารอาหารครบถ้วนในทุกคำที่วัวกิน
นอกจากนี้ ฟาร์มยังใช้ รถแทรกเตอร์ เข้ามาช่วยในการตักและกระจายอาหาร เพื่อลดการใช้แรงงานคน ประหยัดเวลา และทำให้การให้อาหารเป็นระบบมากขึ้น ผลลัพธ์คือสามารถ ลดจำนวนแรงงานได้เกือบครึ่งหนึ่ง โดยไม่กระทบต่อคุณภาพการดูแลวัวในฟาร์มเลย
การวางผังโรงเรือนวัว วางแผนดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
การวางผังโรงเรือนสำหรับเลี้ยงวัว ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการทำฟาร์มวัวเนื้อ เพราะถ้าวางตำแหน่งผิดพลาด แดดอาจส่องเข้าโรงเรือนทั้งวันหรือฝนสาดเข้าอย่างต่อเนื่องจนพื้นแฉะและเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้
ที่วรศิลป์ฟาร์ม จึงให้ความสำคัญตั้งแต่ การวางทิศทางของโรงเรือน เพื่อให้แสงแดดส่องในปริมาณที่เหมาะสม มีลมพัดผ่าน ระบายอากาศได้ดี และช่วยลดความชื้นสะสมในฤดูฝน เพราะการจัดการสภาพแวดล้อมที่ดีไม่เพียงช่วยให้วัวสบายและสุขภาพดีแต่ยังส่งผลต่อคุณภาพของเนื้อวัวอย่างเห็นได้ชัด
รู้จักวัว 4 สายพันธุ์ลูกผสมของวรศิลป์ฟาร์ม
เพราะการสร้างเนื้อวัวคุณภาพเริ่มต้นจากสายพันธุ์ที่ดี ที่วรศิลป์ฟาร์ม มีการคัดสรรและพัฒนาสายพันธุ์วัวโดยใช้น้ำเชื้อคุณภาพจากต่างประเทศ เพื่อให้ได้ลูกวัวที่โตเร็ว ให้เนื้อคุณภาพ และยังสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศเมืองไทยได้ดี โดยลูกผสมแต่ละสายพันธุ์มีจุดเด่นเฉพาะตัว ดังนี้
- ลูกผสมไทย-วากิว
วัวสีน้ำตาล ผิวสัมผัสแดดจะออกสีทอง โคนเขาสีขาว เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของวากิวจากญี่ปุ่นที่โดดเด่นเรื่องความนุ่ม ละลายในปาก
- ลูกผสมไทย-ชาโรเล่ส์
วัวสีขาวนวลหรือเหลืองอ่อน มาจากสายพันธุ์ฝรั่งเศส โดดเด่นเรื่องโครงสร้างใหญ่ โตเร็ว ให้เนื้อแดงปริมาณมาก
- ลูกผสมไทย-แองกัส
วัวสีดำ ไม่มีเขา จุดเด่นคือความนุ่มและไขมันแทรกที่สม่ำเสมอ สายพันธุ์จากอังกฤษที่นิยมในตลาดเนื้อคุณภาพสูง
- ลูกผสมบราห์มัน
เดิมเป็นวัวตลาดเนื้อแดงยอดนิยม ซึ่งที่วรศิลป์ฟาร์มได้นำมาต่อยอด ผสมกับสายพันธุ์ต่างชาติอย่างชาโรเล่ส์ วากิว และแองกัส เพื่อยกระดับคุณภาพให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน
ซึ่งการผสมผสานจุดเด่นของวัวต่างประเทศกับสายพันธุ์ไทย ไม่เพียงทำให้วัวโตเร็วและให้เนื้อดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้วัวปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศบ้านเราได้ดียิ่งขึ้น ทำให้วัวโตไว แข็งแรง และได้เนื้อวัวที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับเนื้อวัวนำเข้าจากต่างประเทศ
เบื้องหลังวัวคุณภาพกับเทคนิคการผสมเทียม
ที่วรศิลป์ฟาร์มการพัฒนาสายพันธุ์วัวไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดจากกระบวนการผสมเทียมที่มีความแม่นยำและใส่ใจในทุกขั้นตอน โดยจะเลือกวัวตัวเมียที่เข้าสู่ช่วงเป็นสัด แล้วทำการตรวจสอบภายในมดลูกและรังไข่ด้วยการล้วงเพื่อตรวจความสมบูรณ์ หากพร้อมผสมพันธุ์ ก็จะฉีดน้ำเชื้อเข้าไปอย่างเหมาะสม
แม่พันธุ์ที่คัดเลือกมาจะมาจากลูกของแม่วัวที่ผ่านการปรับปรุงพันธุกรรมมาแล้ว เพื่อให้สามารถพัฒนาต่อเนื่องและได้ลูกวัวที่มีคุณภาพตามสายพันธุ์ที่ต้องการ จุดที่น่าสนใจคือ ฟาร์มยังเลือกวัวนมมาใช้เป็นแม่พันธุ์ในการผสมเทียมด้วย เพราะมีน้ำนมเยอะ ทำให้ลูกวัวโตเร็ว แข็งแรง และมีคุณภาพเนื้อที่ดีตั้งแต่ต้นทาง
ลูกวัวอายุประมาณ 6 เดือน จะถูกแยกออกจากแม่ เพื่อให้หย่านมและเข้าสู่กระบวนการให้อาหารที่เหมาะสมเตรียมพร้อมเข้าสู่ช่วงการขุน ในขณะที่แม่วัวจะถูกแยกเลี้ยงในคอกต่างหากและไม่ได้รับอาหารขุนเหมือนวัวขุนทั่วไป จึงทำให้แม่พันธุ์มีขนาดตัวเล็กกว่า และเน้นไปที่การรักษาสภาพร่างกายให้สมบูรณ์เพื่อการสืบพันธุ์ ส่วนวัวขุนที่เตรียมนำไปแปรรูปเป็นเนื้อพรีเมียม จะต้องใช้ระยะเวลาเลี้ยงนานถึง 4 ปี เพื่อให้ได้เนื้อวัวที่มีความนุ่ม ชุ่มฉ่ำ และมีคุณภาพสูง ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการดูแลอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน
วัวขุนคุณภาพ พร้อมแปรรูปสู่เนื้อระดับพรีเมียม
วัวที่พร้อมสำหรับการแปรรูปเนื้อจะมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ตัวละประมาณ 700 กิโลกรัม โดยหลังจากเข้าสู่กระบวนการแปรรูป จะสามารถวัดปริมาณและคุณภาพของเนื้อได้จากระดับไขมันที่แทรกในเนื้อ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความนุ่ม ชุ่มฉ่ำ และรสชาติของเนื้อระดับพรีเมียม
ฟาร์มมีการจำหน่ายวัวขุนเป็นรอบทุกเดือนพร้อมระบบคอกทดแทนที่วางแผนไว้ล่วงหน้า เพื่อให้สามารถหมุนเวียนจำนวนวัวได้อย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ
นอกจากการเลี้ยงวัวเพื่อจำหน่ายภายในฟาร์มเองแล้ว วรศิลป์ฟาร์มยังให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงวัว โดยส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตลูกวัวตามสายพันธุ์ที่ตลาดต้องการ พร้อมรับซื้อลูกวัวกลับเข้าสู่ระบบฟาร์มอีกครั้ง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนรายได้และสร้างความยั่งยืนให้แก่เกษตรกรในระยะยาว
หลังจากรับซื้อลูกวัวจากเกษตรกร ฟาร์มจะมีขั้นตอน คัดแยกวัวที่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสูตรอาหารของฟาร์มได้ โดยวัวเหล่านี้จะถูกจัดเลี้ยงแยกออกมา และใช้วัตถุดิบอาหารที่เหมาะสมกับความเคยชินของวัวแต่ละตัว เมื่อวัวเริ่มปรับตัวได้จึงจะค่อย ๆ ปรับให้กินอาหารสูตรหลักของฟาร์มต่อไป ซึ่งวัวที่รับซื้อมาส่วนใหญ่จะมีอายุประมาณ 2 ปี และจะได้รับการขุนต่ออีกประมาณ 1 ปี เพื่อให้ได้เนื้อคุณภาพสูงตามมาตรฐานของฟาร์ม
“พันธ์เนื้อ” ร้านอาหารในฟาร์มที่เสิร์ฟเนื้อคุณภาพตั้งแต่แหล่งผลิตถึงจาน
นอกจากการเลี้ยงวัวเพื่อผลิตเนื้อคุณภาพระดับพรีเมียมแล้ว วรศิลป์ฟาร์ม ยังขยายธุรกิจด้วยการเปิดร้านอาหารในฟาร์มภายใต้ชื่อ “พันธ์เนื้อ” เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ให้กับผู้เยี่ยมชมได้ลิ้มลองความอร่อยจากวัวที่ฟาร์มเลี้ยงเอง
ชื่อร้าน “พันธ์เนื้อ” มาจากนามสกุลของคุณเฟรม เจ้าของฟาร์ม และสื่อถึงความหลากหลายของสายพันธุ์วัวที่เลี้ยงในฟาร์ม พร้อมทั้งเนื้อวัวคุณภาพซึ่งเป็นจุดขายสำคัญของที่นี่
วรศิลป์ฟาร์มเริ่มจำหน่ายเนื้อแปรรูปมานานกว่า 7 ปี ก่อนจะเปิดร้านอาหาร “พันธ์เนื้อ” เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มาเยี่ยมชมฟาร์มและต้องการลิ้มรสเนื้อวัวคุณภาพสูงโดยตรงจากแหล่งผลิต ซึ่งผลตอบรับดีเกินคาด เนื่องจากเนื้อวัวของฟาร์มมีจุดเด่นที่แตกต่างและคุณภาพสามารถเทียบเท่ากับเนื้อนำเข้าจากต่างประเทศได้เลย โดยในร้าน “พันธ์เนื้อ” มีเมนูหลากหลายที่เน้นการใช้เนื้อวัวจากฟาร์มเอง เช่น เมนูสเต็กเนื้อ เช่น สันนอก, สันสะโพก, ริบอาย, ร่องซี่โครง และเนื้อเสียบไม้ เมนูฮิตของทางร้าน
นอกจากนี้ ยังมีเมนูอาหารสไตล์ตะวันตกและอาหารไทยให้เลือกอย่างครบครัน เช่น ข้าวกระเพราเนื้อ แฮมเบอร์เกอร์ สปาเกตตี้ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ แกงป่า ต้มแซ่บ เนื้อแดดเดียว โดยทุกรายการใช้เนื้อวัวคุณภาพจากฟาร์มเอง 100% เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกคำที่เสิร์ฟ คือมาตรฐานที่เริ่มตั้งแต่การเลี้ยงจนส่งตรงถึงจาน
หัวใจของการเลี้ยงวัวเนื้อให้ได้คุณภาพพรีเมี่ยม เริ่มต้นจากความเข้าใจในอาชีพ
สำหรับเกษตรกรที่สนใจเลี้ยงวัวเนื้อและต้องการผลิตเนื้อให้ได้คุณภาพเกรดพรีเมี่ยม หัวใจสำคัญของการเริ่มต้นคือ การเรียนรู้และความเข้าใจในอาชีพอย่างถ่องแท้ โดยควรเริ่มจากการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปศึกษาดูงานตามฟาร์มต่าง ๆ เพื่อเปิดมุมมอง และประเมินความเหมาะสมของพื้นที่ตนเอง ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม วัตถุดิบอาหารที่หาได้ในท้องถิ่น การเลือกสายพันธุ์วัวที่เหมาะสม การออกแบบโรงเรือนที่เอื้อต่อสุขภาพวัว ไปจนถึงการจัดการภายในฟาร์มอย่างมีระบบ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องมีความรู้และทักษะในการดูแลสุขภาพวัว สังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน เพราะทุกรายละเอียดส่งผลต่อคุณภาพเนื้อในระยะยาว
การพัฒนาเนื้อวัวไทยให้มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ต้องเริ่มจากการสร้างมาตรฐานที่นิ่ง มีความสม่ำเสมอในคุณภาพ และรักษาความอร่อยของเนื้อไว้ให้ได้ เพราะสุดท้ายสิ่งที่จะการันตีความสำเร็จของการเลี้ยงวัวเนื้อ คือ “รสชาติที่ประทับใจผู้บริโภค”
สามารถรับชมรายการ “ยัง (Young) สามารถ” ที่ Link
สนับสนุนโดย #กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
#ยังสามารถ #YoungSmartFarmer #วัวขุน #วัวเนื้อสายพันธุ์ดี #เนื้อวัวพรีเมียม #ฟาร์มวัวเนื้อ #วรศิลป์ฟาร์ม #เกษตรสัญจร
……………………………………
เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกษตรเพิ่มเติมได้ที่ :
𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸: เกษตรสัญจร
𝗬𝗼𝘂𝗧𝘂𝗯𝗲: youtube.com/c/Kasetsanjorn
𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸: tiktok.com/@kasetsanjorn
𝗦𝗵𝗼𝗽𝗲𝗲: shopee.co.th/kasetsanjorn
𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗢𝗳𝗳𝗶𝗰𝗶𝗮𝗹: @kasetsanjorn
𝗕𝗹𝗼𝗰𝗸𝗱𝗶𝘁: blockdit.com/kasetsanjorn/
𝗧𝘄𝗶𝘁𝘁𝗲𝗿: twitter.com/kasetsanjorn/
𝗪𝗲𝗯𝘀𝗶𝘁𝗲: kasetsanjorn.com