จากเซลล์ขายอาหารสัตว์ สู่เจ้าของฟาร์มปลาสลิดแห่งเดียวในนครสวรรค์
ใครว่าเลี้ยงปลาต้องพึ่งโชคหรือดินฟ้าอากาศ? ที่จังหวัดนครสวรรค์ มีชายคนหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า “สมอง” และ “เทคโนโลยี” สามารถยกระดับปลาสลิดธรรมดาให้กลายเป็นสินค้าพรีเมี่ยมได้จริง
เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ “พี่กอล์ฟ – ธนาชัย เชาวพัฒนโชค” อดีตเซลล์ขายอาหารสัตว์ ที่ต้องเผชิญวิกฤตเมื่อโรค AFS ระบาดในหมูอย่างหนัก ตัดสินใจพลิกชีวิตจากเซลล์ขายอาหารสัตว์มาสู่การเลี้ยงปลาสลิด และกลายเป็นฟาร์มปลาสลิดเพียงแห่งเดียวในจังหวัดนครสวรรค์ แม้พื้นที่จะดูไม่เหมาะสมกับการเลี้ยงปลา แต่พี่กอล์ฟใช้ทั้งวิสัยทัศน์และเทคโนโลยี สร้างฟาร์มปลาสลิดที่ทันสมัย ตั้งแต่การออกแบบบ่อเลี้ยง การจัดการฟาร์ม การควบคุมต้นทุน ไปจนถึงการใช้พลังงานสะอาดจากโซลาร์รูฟท็อป เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ปลาสลิดถูกเลือกเป็นทางใหม่ เพราะเป็นปลาที่มีมูลค่าในตลาด และเชื่อว่าเลี้ยงง่าย แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ง่ายเลย ช่วง 3–5 ปีแรกต้องเผชิญกับปัญหาหนัก ทั้งสภาพอากาศรุนแรง โดยเฉพาะฤดูร้อน และอัตราการตายของปลาที่สูง จนต้องเรียนรู้จากทุกความผิดพลาด ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยน พัฒนา และออกแบบระบบใหม่ทั้งหมด จนกลายเป็นฟาร์มปลาสลิดอัจฉริยะที่ยั่งยืนในวันนี้
การเรียนรู้จากปัญหา ฟาร์มที่วางแผนทุกตารางเมตร
จากประสบการณ์ตรงและการพัฒนาร่วมกับหุ้นส่วนที่เป็นอาจารย์ พี่กอล์ฟค่อย ๆ ปรับรูปแบบฟาร์มปลาสลิดให้มีระบบที่แม่นยำ ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเป็นหัวใจของการจัดการ เริ่มตั้งแต่การปรับโครงสร้างบ่อเลี้ยงให้ลึกขึ้นจากเดิมที่ลึกเพียง 1.8–2.2 เมตร เป็น 3 เมตร พร้อมทำสโลปรอบบ่อเพื่อลดแรงงาน และควบคุมอุณหภูมิในน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมีบ่อทั้งหมด 24 บ่อ ขนาด 3 ไร่ต่อบ่อ (กว้าง 40×200 เมตร) ทุกตารางเมตรของฟาร์มผ่านการออกแบบและวางแผนอย่างรอบคอบ
ระบบครบวงจรที่ควบคุมได้เองทุกต้นทุน
เมื่อราคาขายปลาในตลาดควบคุมไม่ได้ พี่กอล์ฟจึงเลือกควบคุมทุกต้นทุนตั้งแต่ต้นทาง เริ่มจากการผลิตอาหารปลาสลิดเอง ออกแบบฟาร์มให้ใช้แรงงานน้อยที่สุด และขยายสู่ระบบครบวงจรทั้งโรงแปรรูป ห้องเย็น และเครื่องจักรต่าง ๆ เพื่อสร้างซัพพลายเชนที่ควบคุมได้ทั้งหมด ฟาร์มยังใช้ปลาสลิดตัวเมียเกือบ 100% เนื่องจากโตไว และปรับสูตรอาหารให้เหมาะกับปลาแต่ละช่วงวัย ทำให้สามารถปล่อยลูกปลาต่อบ่อได้มากถึง 80,000 ตัว สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไปอย่างมาก พร้อมทั้งยืดระยะการเลี้ยงจากปกติ 7–8 เดือน เป็น 11 เดือนถึง 1 ปี เพื่อให้ได้ผลผลิตคุณภาพสูงสุดในต้นทุนที่คุ้มค่าที่สุด
การตรวจสอบขนาดปลาและคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ
สิ่งสำคัญที่ต้องติดตามเป็นประจำ คือ ขนาดปลาและคุณภาพน้ำ โดยเฉพาะระดับแอมโมเนียในน้ำที่มักจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางครั้งสามารถประเมินจากสีน้ำได้ แต่ถ้าไม่มั่นใจจะเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจอย่างละเอียด ซึ่งที่ฟาร์มจะตรวจขนาดปลาและคุณภาพน้ำทุก 15 วัน หรืออย่างน้อยเดือนละครั้ง
วิธีเก็บตัวอย่างน้ำจะใช้การอุดปากขวดแล้วตักน้ำบริเวณกลางบ่อ ระยะห่างจากขอบบ่อประมาณ 1 เมตร และความลึก 30-40 เซนติเมตร หลังจากนั้นค่อย ๆ ปล่อยนิ้วที่อุดออกเพื่อให้น้ำไหลเข้าไปในขวดอย่างช้า ๆ
สำหรับการตรวจสอบคุณภาพน้ำในห้องปฏิบัติการ จะนำตัวอย่างน้ำประมาณ 5 ซีซี ใส่หลอดทดลอง จากนั้นหยดสารทดสอบ A, B และ C อย่างละ 5 หยด แล้วรอผลประมาณ 1 นาที ค่าที่ได้จะแสดงระดับแอมโมเนียและค่า pH โดยสามารถวัดระดับแอมโมเนียจากสีของน้ำเปรียบเทียบกับตารางมาตรฐาน
หากสีแสดงถึงระดับแอมโมเนียสูงเกินไป จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำ ซึ่งที่ฟาร์มจะมีบ่อพักน้ำ 3 บ่อ เพื่อพักน้ำและบำบัดน้ำก่อนนำกลับมาใช้ โดยจะปล่อยน้ำจากบ่อพักลงในทุ่งและเติมสารแทนนิน ซึ่งเป็นสารอินทรีย์สกัดจากพืช เพื่อช่วยปรับคุณภาพน้ำ หลังเติมสารแทนนิน น้ำจะเปลี่ยนเป็นสีดำเข้มหรือม่วงเข้ม สารนี้จะทำปฏิกิริยาจับกับเหล็กออกไซด์และช่วยตะกอนแขวนลอยตกตะกอน น้ำจะค่อย ๆ กลับมาใสขึ้นภายใน 1-2 ชั่วโมง
การลดต้นทุนด้วยการผลิตอาหารปลาสลิดเอง
ที่ฟาร์มมีการลดต้นทุนการเลี้ยงปลาสลิดด้วยการผลิตอาหารเม็ดเอง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ปลาสลิดมีคุณภาพสูงและเพิ่มรายได้ให้กับฟาร์ม ซึ่งจะมีการรับอาหารจากโรงงานทุก 3 วัน เพื่อเตรียมไว้ใช้เลี้ยงปลา
ในแต่ละวันจะมีการคำนวณปริมาณอาหารที่เหมาะสมกับขนาดและจำนวนปลาสลิด โดยเน้นการเลือกใช้วัตถุดิบที่ย่อยง่าย ดูดซึมได้ดี และพร้อมใช้ทันที ซึ่งวัตถุดิบหลัก ได้แก่ ปลายข้าวนาโน ซึ่งผลิตจากปลายข้าว ถั่ว และมันสำปะหลัง อัดเป็นแท่งสำเร็จรูป ใช้เจลาตินช่วยให้อาหารลอยน้ำได้ รวมถึงหมูป่นที่มีต้นทุนต่ำกว่าปลาป่น และยีสต์ที่ผลิตจากกากน้ำตาลโมลาส มีโปรตีนสูงประมาณ 30% และช่วยเคลือบสีเม็ดอาหารให้สวยงาม
ส่วนผสมทั้งหมดจะถูกนำไปผสมในเครื่องมิกเซอร์เป็นเวลา 15 นาที จากนั้นผ่านกระบวนการบดและผสมกับน้ำและน้ำมัน ก่อนเข้าสู่การอัดเม็ด เจลาตินในสูตรจะช่วยให้อาหารเม็ดสามารถลอยน้ำได้ หลังจากตรวจสอบการลอยแล้วจะนำไปตากแดดและบรรจุในกระสอบ ซึ่งขนาดเม็ดอาหารจะกำหนดตามขนาดหน้าแว่นของเครื่อง เพื่อให้เหมาะสมกับปากปลาและอัตราการเจริญเติบโตที่รวดเร็วของปลาสลิดในฟาร์ม
แม้เครื่องผลิตอาหารเม็ดจะมีต้นทุนสูง แต่ในระยะยาวช่วยลดต้นทุนการเลี้ยงและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เพราะถึงแม้จะควบคุมราคาปลายทางไม่ได้ แต่สามารถควบคุมต้นทุนและคุณภาพที่ต้นทางได้ นอกจากนี้ที่ฟาร์มยังมีห้องอบอาหารเม็ดด้วยความร้อนจากหลอดไฟ ใช้เวลาอบประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งช่วยแก้ปัญหาในช่วงฤดูฝน และลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ของอาหารเม็ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โรงแปรรูปปลาสลิด มาตรฐานสะอาด ควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอน
ในส่วนของโรงงานแปรรูป จะมีการแบ่งพื้นที่ทำงานชัดเจน ได้แก่ ห้องตัดแต่ง ล้าง และเตรียมวัตถุดิบ โดยเริ่มจากการขอดเกล็ด ควักไส้ และล้างทำความสะอาดภายในตัวปลาอย่างละเอียด เพื่อขจัดเลือดและสิ่งสกปรกให้หมดก่อนนำเข้าสู่กระบวนการแปรรูป ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะช่วยลดความเสี่ยงของการปนเปื้อน ป้องกันเชื้อโรค และทำให้เนื้อปลาสะอาด พร้อมเข้าสู่ขั้นตอนถัดไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อปลาผ่านการทำความสะอาดแล้ว จะเข้าสู่กระบวนการ ดองเกลือ และนำไปตากในห้องตากระบบปิด โดยใช้ พัดลม Evaporative (Evap) ซึ่งเป็นระบบที่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้ดี ช่วยลดปริมาณน้ำในเนื้อปลาได้ถึง 4% ต่างจากการตากแดดทั่วไปที่อาจทำให้ปลาสูญเสียน้ำมากถึง 16–18% ส่งผลให้เนื้อปลาแห้งเกินไปและสูญเสียความนุ่ม รวมถึงเสี่ยงต่อกลิ่นไม่พึงประสงค์ การตากด้วยพัดลมจะใช้เวลาแต่ละครั้งประมาณ 50 นาที จนได้ความแห้งที่พอดี และส่งต่อเข้าสู่ห้องบรรจุผลิตภัณฑ์
ในขั้นตอนการบรรจุ ฟาร์มใช้ 2 ระบบหลักคือ สกินแพ็ค (Skin Pack) ใช้ฟิล์มพลาสติกใสแนบติดกับผิวของปลา บนวัสดุรองพื้น เหมาะกับปลาขนาดใหญ่ประมาณ 180–200 กรัม เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการบริโภคปลาทั้งตัวในมื้อเดียว และ แวคคั่มแพ็ค (Vacuum Pack) ใช้ถุงสูญญากาศดูดอากาศออกก่อนปิดผนึก เหมาะกับปลาขนาดเล็กกว่า 180 กรัม บรรจุในขนาด 250 กรัม และ 500 กรัม
ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ “ปลาดี” ที่เน้นความสะอาด สวยงาม และคุณภาพพรีเมียม โดยมีการวางกลยุทธ์การตลาดอย่างเหมาะสม เช่น ขนาด 250 กรัม เจาะตลาดนัดในพื้นที่ จ.สกลนคร และ จ.นครพนม ขนาด 12 ตัว/กิโลกรัม ส่งออกไปยังฝั่งประเทศลาว ซึ่งกำลังเป็นตลาดที่เติบโตดี เพราะปลาสลิดในพื้นที่หายาก และแบบสกินแพ็คเน้นขายในกลุ่มโมเดิร์นเทรด เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้า
ฟาร์มปลาสลิดที่สร้างจากการไม่หยุดเรียนรู้
จากจุดเริ่มต้นที่ไม่มีพื้นฐานด้านการเลี้ยงปลา แต่ด้วยความตั้งใจจริง ความรู้ที่หมั่นเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ คุณกอล์ฟ อดีตเซลล์ขายอาหารสัตว์ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การเลี้ยงปลาสลิดไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเพียงแรงงานหรือประสบการณ์แบบเดิม ๆ อีกต่อไป หากแต่ “นวัตกรรม” และ “ความเข้าใจเชิงระบบ” ต่างหากคือคำตอบของเกษตรยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบบ่อให้ช่วยลดแรงงาน การจัดการน้ำแบบเลียนแบบธรรมชาติ การผลิตอาหารปลาด้วยตัวเองเพื่อควบคุมต้นทุนและโภชนาการ ตลอดจนการเลือกใช้พลังงานสะอาดอย่างโซล่ารูฟท็อปในทุกกระบวนการ ซึ่งไม่เพียงลดต้นทุน แต่ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
คุณกอล์ฟเชื่อว่า ทุกจุดที่เราเสียเวลาและทรัพยากร คือโอกาสในการ “เก็บเงิน” คืนกลับมา เพราะหากเราลดเวลาได้ เงินจะตามมาเอง และใครจะคิดว่า “ปลาสลิด” ที่เคยเป็นปลาธรรมดา จะกลายเป็นสัญลักษณ์ของความยั่งยืนในวันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องรสชาติ แต่เป็นความคิดเบื้องหลังที่ชัดเจน ว่าเกษตรกรยุคใหม่ ไม่ได้สู้ด้วยแรงเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่สู้ด้วยสมอง ความรู้ ความเข้าใจ และความเชื่อว่าอนาคตที่ดี เราสร้างได้ด้วยมือเราเอง
สามารถรับชมรายการ “ยัง (Young) สามารถ” ที่ Link
สนับสนุนโดย #กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
#ยังสามารถ #YoungSmartFarmer #ฟาร์มปลาสลิด #ปลาสลิด #เลี้ยงปลาอย่างมีระบบ #ปลาสลิดคุณภาพ #เลี้ยงปลาอย่างมืออาชีพ #ปลาดี #เกษตรสัญจร
………………………………………
เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกษตรเพิ่มเติมได้ที่ :
𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸: เกษตรสัญจร
𝗬𝗼𝘂𝗧𝘂𝗯𝗲: youtube.com/c/Kasetsanjorn
𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸: tiktok.com/@kasetsanjorn
𝗦𝗵𝗼𝗽𝗲𝗲: shopee.co.th/kasetsanjorn
𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗢𝗳𝗳𝗶𝗰𝗶𝗮𝗹: @kasetsanjorn
𝗕𝗹𝗼𝗰𝗸𝗱𝗶𝘁: blockdit.com/kasetsanjorn/
𝗧𝘄𝗶𝘁𝘁𝗲𝗿: twitter.com/kasetsanjorn/
𝗪𝗲𝗯𝘀𝗶𝘁𝗲: kasetsanjorn.com