จุดเริ่มต้นในการทำเกษตรในพื้นที่ 150 ตารางวา


จุดเริ่มต้นของการทำเกษตรของ “พี่โจ๊ก – พีระพล เศรษฐพลอย” เจ้าของเพจ ผักปลอดสารพิษ บ้านน้องปลายฝน จังหวัดเพชรบุรี คือเรื่องราวที่พิสูจน์ให้เห็นว่า “พื้นที่เล็ก ก็สร้างอาชีพใหญ่ได้” บนพื้นที่เพียง 150 ตารางวา พี่โจ๊กสามารถเปลี่ยนชีวิตจากพนักงานบริษัท มาสู่อาชีพเกษตรกรเต็มตัวได้อย่างมั่นคง
ด้วยพื้นฐานที่เรียนทางด้านเกษตรและมีใจรักการปลูกผักมาตั้งแต่เด็ก แม้ในช่วงแรกจะไม่มีโอกาสได้ทำเกษตรจริงจัง แต่เมื่อประสบปัญหาสุขภาพจนต้องหยุดงาน พี่โจ๊กจึงตัดสินใจกลับมาทำในสิ่งที่รักอีกครั้ง เริ่มจากการปลูกผักเล็กๆ ในบ้าน เพื่อฟื้นฟูร่างกายของตัวเอง จากจุดเล็กๆ นั้น กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ทำเกษตรอย่างจริงจังในแนวทาง ปลอดสารพิษ 100% โดยมีเป้าหมายไม่เพียงแค่สร้างรายได้ แต่ยังส่งต่อสุขภาพที่ดีให้กับผู้บริโภคที่ใส่ใจในคุณภาพชีวิตเช่นเดียวกัน
แนวคิดการทำเกษตรยุคใหม่ในพื้นที่จำกัด


จุดเริ่มต้นของการทำเกษตรของพี่โจ๊ก มาจากบ้านของตัวเองที่มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 250 ตารางวา โดยในนั้นมีพื้นที่ว่างประมาณ 150 ตารางวา พี่โจ๊กจึงนำแนวคิดการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า มาทดลองทำเกษตรจริงจัง เพื่อพิสูจน์ว่า พื้นที่เล็กก็สามารถสร้างรายได้และเลี้ยงครอบครัวได้
พี่โจ๊กมองว่า ในยุคปัจจุบัน หลายคนยังเข้าใจผิดว่าการทำเกษตรต้องมีพื้นที่กว้างใหญ่ถึงจะอยู่ได้ แต่ในความจริงแล้ว การทำเกษตรยุคใหม่ไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่เยอะ เพราะหัวใจสำคัญอยู่ที่การวางแผน การบริหารพื้นที่ และการสร้างคุณค่าในสิ่งที่ปลูก พี่โจ๊กใช้พื้นที่ 150 ตารางวา ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการทำเกษตรปลอดสาร และต่อยอดสู่ช่องทางออนไลน์ สร้างรายได้โดยไม่จำเป็นต้องผลิตในปริมาณมาก แต่เน้นคุณภาพ ความปลอดภัย และเรื่องราวที่สะท้อนความตั้งใจของคนปลูก จากแนวทางนี้ พี่โจ๊กยังอยากถ่ายทอดให้กับคนรุ่นใหม่ที่มีพื้นที่จำกัด ว่าเกษตรไม่จำเป็นต้องยึดติดกับรูปแบบเดิม ๆ เพราะยุคนี้เปิดโอกาสให้เราคิดค้น ปรับเปลี่ยน และสร้างแนวทางของตัวเองได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะปลูกพืชผัก ปรับพื้นที่ให้เหมาะกับวิถีชีวิต หรือเชื่อมต่อสู่โลกออนไลน์
เริ่มต้นเกษตรในพื้นที่จำกัด วางแผนอย่างเข้าใจ ลดรายจ่าย สร้างรายได้อย่างยั่งยืน


เมื่อเริ่มมีผลผลิตเพียงพอและเหลือใช้ จึงค่อยขยับไปสู่การขาย เพื่อสร้างรายได้เสริมให้สมดุลกับค่าใช้จ่ายที่มี และไม่สร้างภาระเกินตัว นี่คือแนวทางของการอยู่แบบพอเพียงที่พี่โจ๊กยึดถือเป็นหลัก
ในช่วงเริ่มต้น พี่โจ๊กมองหาวิธีลดต้นทุนให้มากที่สุด ด้วยการนำวัสดุที่มีอยู่หรือวัสดุเหลือใช้รอบตัวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น ใช้ตะกร้าขนมจีนจากร้านค้าใกล้บ้านมาดัดแปลงเป็นกระถางปลูกผัก แทนการซื้ออุปกรณ์ราคาแพง ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนและยังรักษาสิ่งแวดล้อมไปในตัว เมื่อระบบภายในฟาร์มเริ่มลงตัว พี่โจ๊กก็เริ่มพัฒนาผลผลิตให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยเน้นคุณภาพ ความปลอดภัย และความสดใหม่จากสวน เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจและกลับมาซื้อซ้ำ
ปลูกผักปลอดสารให้ตลาดมองเห็นก่อนที่เราจะรอให้ตลาดมาหา


พี่โจ๊กเลือกทำเกษตรด้วยการ “ปลูกผักปลอดสารพิษ” เพื่อสร้างรายได้อย่างจริงจัง โดยมองว่าการหาตลาดสำหรับผักปลอดสารนั้นไม่ใช่เรื่องยาก หากเราปลูกผักได้ตามมาตรฐานและรู้จักเดินเข้าหาตลาดด้วยตัวเองแทนที่จะรอให้ตลาดมาหา พี่โจ๊กเริ่มจากการปลูกผักที่สามารถทานสดได้ เช่น ผักสลัด ผักใบเขียวต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่ต้องการของคนรักสุขภาพในยุคปัจจุบัน จุดสำคัญคือการปลูกให้มีคุณภาพ มีปริมาณเพียงพอ และมีความต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจและสั่งซื้อซ้ำ
เคล็ดลับของพี่โจ๊กคือ อย่ารอให้ตลาดมาหาเรา แต่ให้เราเดินเข้าไปหาตลาดก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปพูดคุยกับร้านอาหาร ร้านขายของสุขภาพ หรือหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงการนำผักไปให้ลูกค้าทดลองชิมก่อน เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงคุณภาพจริง ๆ เพราะหากลูกค้ากินแล้วติดใจ นั่นคือสัญญาณว่าผักของเรามีจุดแข็งและพร้อมต่อยอดสู่การขายจริง
ลูกค้าจะจดจำรสชาติของผักปลอดสารได้ ความกรอบ ความหวาน และความปลอดภัย คือสิ่งที่ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือการกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น ว่าต้องการปลูกเพื่อขายส่งหรือขายปลีก เพื่อให้สามารถวางแผนการผลิตได้ตรงกับความต้องการของตลาด นอกจากนี้ พี่โจ๊กยังแนะนำว่า ควรศึกษากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพและอาหารปลอดภัย หากทำการตลาดถูกจุด ก็สามารถสร้างยอดขายต่อเนื่องได้อย่างมั่นคง
ลดต้นทุน สร้างความยั่งยืน เกษตรหมุนเวียนสไตล์พี่โจ๊ก


นอกจากนี้ยังมีการทำคลองไส้ไก่ขนาดเล็กสำหรับกักเก็บน้ำ และใส่จุลินทรีย์ลงไปเพื่อนำไปรดผัก ช่วยให้พืชแข็งแรงโดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมี ส่งผลให้ฟาร์มแทบไม่มีต้นทุนอื่นใดนอกจากค่าเมล็ดพันธุ์เท่านั้น แนวทางเกษตรหมุนเวียนแบบนี้ทำให้ฟาร์มของพี่โจ๊กมีความยั่งยืนจริง ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถต่อยอดเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับคนรุ่นใหม่ที่อยากทำเกษตรแบบปลอดภัยได้อีกด้วย
พี่โจ๊กยังมองว่า ประเทศไทยมีศักยภาพทางการเกษตรสูง ทั้งในด้านภูมิอากาศและคุณภาพผลผลิต แต่ปัญหาคือ หลายคนยังยึดติดกับระบบเดิม ๆ เช่น ปลูกแล้วรอพ่อค้าคนกลางมารับซื้อ ซึ่งในยุคนี้เกษตรกรควรลุกขึ้นมาทำการตลาดเอง ใช้ช่องทางออนไลน์ให้คนเห็นคุณค่าของสิ่งที่เราปลูก เกษตรยุคนี้ไม่ใช่เรื่องเหนื่อย แต่เป็นเรื่องสนุก ถ้าเรารู้จักเรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติของดิน ผัก และเวลา พี่โจ๊กฝากถึงคนที่อยากเริ่มต้นว่า อย่าเร่งหวังผลเร็วเกินไป เพราะการทำเกษตรคือการเรียนรู้ที่ต้องใช้เวลา ต้องสังเกต ปรับตัว และเข้าใจธรรมชาติจริง ๆ เมื่อเราจับจุดถูก ก็จะพบว่า การทำเกษตรไม่ยาก และสนุกกว่าที่คิดมาก
เริ่มต้นเกษตรอย่างมั่นคง ตอบโจทย์ตัวเองและบริหารทุนอย่างชาญฉลาด


เรื่องการบริหารเงินทุน ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน พี่โจ๊กแนะนำว่าไม่ควรลงทุนทั้งหมดตั้งแต่ต้น ควรแบ่งเงินเป็นสัดส่วน เช่น ลงทุนเพียง 30% ของทุนทั้งหมด ส่วนที่เหลือเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายระหว่างรอผลผลิต และหากเกิดความล้มเหลวก็ไม่กระทบเงินส่วนอื่น ซึ่งเงินอีก 70% จะช่วยให้สามารถเริ่มต้นใหม่ได้โดยไม่เสียกำลังใจ
การทำเกษตร ไม่จำเป็นต้องมีเงินมาก สามารถเริ่มทีละน้อย ทำควบคู่กับงานประจำ หรือเริ่มเป็นอาชีพเสริมก่อน แล้วค่อยขยายเมื่อมีประสบการณ์และรายได้หมุนเวียนอย่างมั่นคง แนวคิดของพี่โจ๊กสะท้อนว่า “เกษตรที่มั่นคง เริ่มจากการวางแผน ตอบโจทย์ตัวเอง และจัดการเงินอย่างชาญฉลาด”
หากสนใจเทคนิคการทำเกตรปลอดสารจากพี่โจ๊กสามารถติดตามผลงานได้ที่
Facebook : ผักปลอดสารพิษ บ้านน้องปลายฝน
………………………………………
เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกษตรเพิ่มเติมได้ที่ :
𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸: เกษตรสัญจร
𝗬𝗼𝘂𝗧𝘂𝗯𝗲: youtube.com/c/Kasetsanjorn
𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸: tiktok.com/@kasetsanjorn
𝗦𝗵𝗼𝗽𝗲𝗲: shopee.co.th/kasetsanjorn
𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗢𝗳𝗳𝗶𝗰𝗶𝗮𝗹: @kasetsanjorn
𝗕𝗹𝗼𝗰𝗸𝗱𝗶𝘁: blockdit.com/kasetsanjorn/
𝗧𝘄𝗶𝘁𝘁𝗲𝗿: twitter.com/kasetsanjorn/
𝗪𝗲𝗯𝘀𝗶𝘁𝗲: kasetsanjorn.com







