“สยามคูโบต้า” ชูแคมเปญใหญ่ “Small Actions Change the World” ชวนคนไทย “มื้อนี้หมดจาน” ดีเดย์ 16 ตุลาคมนี้

บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เชื่อในทุกการกระทำเล็กๆ เปลี่ยนโลกได้ ประกาศจัดแคมเปญ “Small Actions Change the World” ชวนคนไทยทั้งประเทศปักหมุด “มื้อนี้หมดจาน” กิจกรรมแห่งการสร้างวัฒนธรรมรับประทานอาหารหมดจานพร้อมกันทั่วประเทศ 16 ตุลาคม 2568 เนื่องในวันอาหารโลก (World Food Day) ตอกย้ำพันธกิจด้านความมั่นคงทางอาหาร ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs สู่การเดินหน้าเป็น Global Major Brand 2030 ตั้งเป้าลดปัญหาขยะอาหารเป็นศูนย์ และรักษาคุณค่าผลผลิตต้นทางเพื่อยกระดับภาคการเกษตรไทยสู่ความยั่งยืน พร้อมความร่วมมือจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อผลักดันพลังการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่สู่สังคมไทย

นายรัชกฤต สงวนชีวิน ผู้จัดการฝ่าย Sustainability Development บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญกับโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรที่ท้าทาย ทั้งจำนวนเกษตรกรสูงวัยหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนความเหลื่อมล้ำทางรายได้และโอกาสในการเข้าถึงองค์ความรู้และเทคโนโลยี ท่ามกลางความผันผวนของและการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศที่ไม่แน่นอน และสร้างอุปสรรคต่อการเดินหน้าเกษตรแบบยั่งยืน ทำให้ภาคการเกษตรไทยต้องเผชิญกับการปรับตัว รวมถึงปัญหาขยะอาหารล้นเมืองที่ส่งผลให้เกิดก๊าซมีเทนซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของภาวะโลกร้อนที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“สยามคูโบต้าในฐานะผู้นำธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรและนวัตกรรมการเกษตรที่อยู่เคียงข้างเกษตรกรและสังคมไทยกว่า 47 ปี เราไม่เพียงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเพื่อรองรับภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม แต่ยังคำนึงถึงการมีส่วนร่วมผลักดันการพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน พร้อมมุ่งรักษาความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งนับเป็นหนึ่งในเส้นทางเพื่อก้าวสู่การเป็น Global Major Brand ภายในปี 2030 ล่าสุดจึงได้จัดตั้งกิจกรรม “มื้อนี้หมดจาน” ภายใต้แคมเปญ “Small Actions Change the World” บนแนวคิด “ทุกการกระทำเล็กๆ สร้างโลกให้ยั่งยืน” เนื่องในวันอาหารโลก (World Food Day) ซึ่งตรงกับวันก่อตั้งองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) พร้อมเชิญชวนคนไทยร่วมสร้างวัฒนธรรมการรับประทานอาหารหมดจานอย่างรู้คุณค่า พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 16 ตุลาคม 2568 พร้อมโพสต์ภาพลง Facebook #มื้อนี้หมดจานกับคูโบต้า

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า
“ปัญหาขยะอาหารและอาหารส่วนเกินเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับโลก ปัจจุบันคนไทยสร้างขยะอาหารมากกว่า 9.7 ล้านตันต่อปี หรือเฉลี่ยคนละ 146 กิโลกรัม ที่ส่วนใหญ่มาจากห่วงโซ่อุปทานอาหารและรูปแบบการบริโภค โดยปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหารเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมด้วย อาทิเช่น น้ำชะขยะที่ปนเปื้อนทำให้แหล่งน้ำเน่าเสีย, กลิ่นขยะที่รบกวน, กองขยะที่เป็นพื้นที่เพาะพันธุ์ของสัตว์พาหะนำโรค จนเป็นแหล่งกำเนิดของเชื้อโรคต่างๆ ซึ่งนำไปสู่ผลกระทบต่อสุขภาพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งการก่อให้โรคระบบทางเดินหายใจ โรคระบบทางเดินอาหาร โรคผิวหนัง และโรคติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น สสส. จึงมุ่งขับเคลื่อนการลดขยะอาหารและอาหารส่วนเกินเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะ” “สำหรับความร่วมมือกับสยามคูโบต้าในครั้งนี้ผ่านกิจกรรม ‘มื้อนี้หมดจาน’ เป็นอีกแรงสำคัญในการขยายผลการสร้างความตระหนักรู้ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตให้กับสังคมในวงกว้าง ให้คนไทยเห็นคุณค่าของอาหาร สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ในทุกมื้อไปพร้อมกัน” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวเสริม

ทั้งนี้สยามคูโบต้าได้จัดกิจกรรม “มื้อนี้หมดจาน” จุดประกายการเปลี่ยนแปลงจากภายในองค์กร พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์เชิญชวนภาคีเครือข่ายและพันธมิตรทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ โดยตั้งเป้าให้พนักงานสยามคูโบต้า 3,374 คน ร่วมรับประทานอาหารหมดจานพร้อมกันในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนกว่า 1,300 กิโลกรัมคาร์บอน มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ปี 2573 และสุทธิเป็นศูนย์ Net Zero Emission ปี 2593 โดยส่งเสริมการวางแผนการกินอย่างมีประสิทธิภาพไม่เหลือทิ้ง รวมถึงศึกษาแนวทางจัดการขยะอาหารไปทำ BioGas ในอนาคต โดยนำเศษผัก เศษผลไม้ ไปหมักด้วยจุลินทรีย์เพื่อแปลงเศษอาหารเป็น BioGas และนำกลับมาแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพในการประกอบอาหาร

นายรัชกฤต กล่าวต่อว่า สยามคูโบต้ายังมุ่งสร้างระบบนิเวศอาหารที่ยั่งยืน เพื่อรองรับความท้าทายด้านความมั่นคงทางอาหารของไทยอย่างเป็นรูปธรรม ในฐานะองค์กรที่สนับสนุนเกษตรกรผู้เป็น Food Producer เพราะทุกการกินหมดจาน คือการเห็นคุณค่าและยืนหยัดเคียงข้างเกษตรกร เราจึงได้มุ่งเน้นสนับสนุนให้พวกเขาสามารถสร้างผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสีย และสร้างสมดุลระหว่างการผลิตและการตลาด ผ่านแนวทางสำคัญ เช่น การประยุกต์ใช้ Smart Farming เพื่อวางแผนการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับความต้องการตลาด ส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการเก็บรักษาและการแปรรูป เพื่อป้องกันการสูญเสียระหว่างทางและรณรงค์สร้างจิตสำนึกการบริโภคอย่างรับผิดชอบ ทั้งยังนำเสนอสินค้าและโซลูชันที่ส่งเสริมความยั่งยืนด้านอาหาร น้ำ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งสยามคูโบต้าพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมที่ตอบสนองนโยบาย Global Major Brand ใน 2 มิติหลัก ได้แก่ การทำเกษตรอัจฉริยะเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางอาหาร และการสนับสนุนเกษตรคาร์บอนต่ำเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาทิ โครงการปลอดนาหว่าน (Zero Broadcast) ใช้เทคโนโลยี GPS และโดรนเพื่อการเพาะปลูกที่แม่นยำ ช่วยลดต้นทุนเมล็ดพันธุ์และสารเคมี การส่งเสริมการทำนาเปียกสลับแห้ง เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากการขังน้ำในนาข้าว โครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) เพื่อจัดการเศษวัสดุการเกษตรแทนการเผา แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ผ่านความร่วมมือกับภาครัฐและจังหวัดต้นแบบจำนวน 14 จังหวัด

ทั้งนี้สยามคูโบต้ายังวางแนวทางขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทย ภายใต้กลยุทธ์ ‘Perform and Transform’ เพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนทางการเกษตรอย่างเป็นรูปธรรมโดยครอบคลุม 4 เสาหลักสำคัญ คือ การสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับเกษตรกร การขยายโซลูชัน Smart Farming การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับอาเซียน รวมถึงพลังงานทางเลือกอย่างแทรกเตอร์ EV และการขับเคลื่อน ESG สู่เป้าหมาย Net Zero
ทั้งนี้ กิจกรรมนี้ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตร ได้แก่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บริษัทแพลน บี มีเดีย และมูลนิธิ Scholars of Sustenance Foundation (SOS) รวมถึงภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน
เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs)

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม “มื้อนี้หมดจาน” ภายใต้แคมเปญ “Small Actions Change the World” ได้ง่ายๆ เพียงโพสต์รูปการรับประทานอาหารหมดจาน พร้อมติดแฮชแท็ก #มื้อนี้หมดจานกับคูโบต้า เพื่อแสดงพลังแห่งการเห็นคุณค่าอาหารทุกมื้อและร่วมส่งต่อแรงบันดาลใจสู่สังคมกว้าง ขณะเดียวกันยังสามารถแชร์มายัง https://smallactionbykubota.siamkubota.co.th เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนการกระทำเล็ก ๆ ให้เป็นพลังที่ส่งต่อได้จริง โดยการแชร์ 1 ครั้ง = สมทบทุน 20 บาท สยามคูโบต้าจะนำไปสมทบทุนให้กับ มูลนิธิ Scholars of Sustenance Foundation (SOS) เพื่อสนับสนุนผู้ขาดแคลนอาหารกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย