จุดเริ่มต้นของสวนเก็กฮวยอินทรีย์ จากเซลล์สู่วิถีเกษตรที่ยั่งยืน


พี่พลอย รสสุคนธ์ สุวรรณเพชร เจ้าของสวนเก็กฮวยอินทรีย์แห่งอำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร อดีตเซลล์ขายอุปกรณ์เกษตรที่ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางชีวิต จากพนักงานประจำสู่การเป็นเกษตรกรเต็มตัว ปลูกสมุนไพรที่ทั้งหอมและสร้างรายได้อย่างมั่นคง นั่นก็คือ “เก็กฮวยอินทรีย์”
หลังจากทำงานประจำมาหลายปี พี่พลอยเริ่มมีความคิดอยากกลับมาใช้ชีวิตใกล้ครอบครัวและมีอาชีพที่มั่นคงเป็นของตนเอง จึงตัดสินใจลาออกจากงานและกลับบ้าน พร้อมเริ่มต้นเปลี่ยนแนวคิดของครอบครัวที่เคยทำไร่มันสำปะหลังแต่มีรายได้ไม่แน่นอน หันมาทำเกษตรแบบอินทรีย์ โดยเลือกปลูก “ดอกเก็กฮวย” เป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกฟื้นทั้งชีวิตและผืนดินให้กลับมามีคุณค่าอีกครั้ง
ที่มาของชื่อ “มาฆะฟาร์ม”


“มาฆะฟาร์ม” มีที่มาจากชื่อลูกชายของพี่พลอย ที่ชื่อ “มาฆะ” ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการสร้างฟาร์มแห่งนี้ เพราะอยากให้ธุรกิจเติบโตไปพร้อมกับลูกชาย และเมื่อเขาเติบโตขึ้น จะได้รู้ว่าพ่อแม่ได้ลงมือสร้างธุรกิจและอาชีพที่มั่นคงไว้ให้เป็นรากฐานในอนาคต
ก่อนจะมาเป็นฟาร์มเก็กฮวยอินทรีย์ ครอบครัวต้องปรับมุมมองใหม่ครั้งใหญ่ เนื่องจากเดิมพื้นที่นี้ใช้ปลูกพืชเชิงเดี่ยว และไม่เคยปลูกพืชสมุนไพรมาก่อน แต่เมื่อเห็นความตั้งใจและแผนที่ชัดเจนของพี่พลอย สมาชิกในครอบครัวก็ให้การสนับสนุนเต็มที่ โดยต้องเริ่มจากการปรับพื้นที่ เนื่องจากที่ดินเดิมมีลักษณะเป็นเนินลาดชัน และขาดอินทรีย์วัตถุอย่างรุนแรง เพราะถูกใช้ทำเกษตรเชิงเดี่ยวมายาวนาน
การฟื้นฟูดินจึงต้องใช้เวลา 1-2 ปี เริ่มจากการปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการพังทลายของหน้าดิน ปลูกพืชตระกูลถั่วเพื่อเติมไนโตรเจน และใช้ปุ๋ยหมักจากธรรมชาติ เพื่อปรับโครงสร้างดินให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ รวมถึงฟื้นฟูดินด้วยการไม่ใช้สารเคมี พร้อมรองรับการปลูกเก็กฮวยอินทรีย์ในระยะยาวอย่างยั่งยืน
ข้อดีของการทำเกษตรแบบอินทรีย์


หนึ่งในข้อดีของการทำเกษตรอินทรีย์คือสามารถลดต้นทุน และลดความเสี่ยงจากการสัมผัสหรือใช้สารเคมี เนื่องจากต้องใช้ชีวิตอยู่ในแปลงเกษตรทุกวัน การเลือกแนวทางแบบปลอดภัยจึงสำคัญมาก สำหรับพี่พลอย การเปลี่ยนมาเป็นเกษตรอินทรีย์ต้องใช้เวลาในการปรับตัว และค่อย ๆ วางระบบให้ทุกอย่างลงตัว
ในช่วงปีแรกของการเปลี่ยนแนวทาง พี่พลอยยังไม่ได้ปลูกเก็กฮวยแบบเต็มพื้นที่ แต่เริ่มต้นจากการปลูกพืชผสมผสาน เช่น กล้วย มะม่วง มะนาว และผักสวนครัวต่าง ๆ เพื่อเรียนรู้ระบบนิเวศ และสร้างรายได้ระยะสั้นควบคู่กันไป เมื่อเริ่มมีรายได้เข้ามา และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ จึงเห็นโอกาสและเริ่มมองไกลถึงการสร้างสวนดอกไม้เพื่อเปิดให้คนเข้ามาเที่ยวชม
พี่พลอยเชื่อว่า “ดอกไม้ช่วยบำบัดใจ ทำให้อารมณ์ดี” และเก็กฮวยก็เป็นดอกไม้ที่ทั้งสวย ทานได้ และมีมูลค่าสูง คุ้มค่ากับการลงทุน จึงเริ่มทดลองปลูกเก็กฮวยควบคู่กับพืชเมืองหนาวชนิดอื่น เช่น หญ้าหวาน และค่อย ๆ ศึกษาเรียนรู้ไปพร้อมกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือ “เอกลักษณ์เฉพาะของเก็กฮวยที่ปลูกในพื้นที่ของตนเอง” เพราะด้วยสภาพดินและอากาศที่แตกต่าง ทำให้ดอกเก็กฮวยที่ได้มีขนาดใหญ่ สีเข้ม กลิ่นหอมชัดเจน และเมื่ออบแห้งก็ยังคงสีสันที่สวยงาม ด้วยวิธีการตากและการเก็บรักษาที่เหมาะสม ยิ่งตอกย้ำคุณภาพของเก็กฮวยอินทรีย์จากสวนมาฆะฟาร์มได้อย่างภาคภูมิใจ
วิธีการปลูกเก็กฮวยอินทรีย์


การขยายพันธุ์เก็กฮวยทำได้โดยการปักชำกิ่ง ซึ่งก่อนปลูกควรปรุงดินให้ร่วนซุยและอุดมสมบูรณ์ก่อน แล้วจึงปักชำกิ่งลงในดิน กิ่งจะเริ่มออกดอกได้ประมาณ 4-5 เดือนหลังปลูก
การปลูกเก็กฮวยต้องหมั่นกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ และต้องใช้แรงงานคนอย่างเพียงพอ เพราะเป็นการทำเกษตรอินทรีย์ที่เน้นการดูแลแบบธรรมชาติ จึงต้องอาศัยความใส่ใจในการควบคุมศัตรูพืชและวัชพืชด้วยมือ รวมถึงการให้ปุ๋ยหมักที่ผ่านมาตรฐานเกษตรอินทรีย์เพื่อบำรุงต้น
โรคและแมลงที่พบบ่อยได้แก่ โรครากเน่า โคนเน่า จากเชื้อรา รวมถึงหนอนหลอดหอมและหนอนกระทู้หอม ซึ่งเป็นศัตรูสำคัญของเก็กฮวย ที่ฟาร์มจะใช้วิธีเดินเก็บหนอนด้วยมือเพื่อลดจำนวนและป้องกันการขยายพันธุ์ นอกจากนี้ ยังมีการเลี้ยงเต่าทองซึ่งช่วยกำจัดเพลี้ยอ่อน รวมถึงใช้กาวดักแมลงเพื่อควบคุมศัตรูพืชอย่างปลอดภัย ส่วนโรคพืชจะใช้เชื้อราไตรโครเดอร์มา (Trichoderma) ในการป้องกันเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ
การรดน้ำเก็กฮวยจะทำวันละครั้ง โดยใช้ระบบน้ำหยดและสายน้ำพุ่ง เพื่อเพิ่มความชื้นให้ใบและต้น เนื่องจากสภาพอากาศในภาคอีสานค่อนข้างแห้งแล้ง การให้น้ำอย่างเหมาะสมจึงสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตของเก็กฮวย
การเก็บดอกเก็กฮวย


เก็กฮวยเป็นพืชที่ออกดอกตามฤดูกาล โดยจะเริ่มออกดอกในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งหากเริ่มปลูกตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม จะได้ต้นที่แข็งแรง สมบูรณ์ และมีเวลาสร้างโครงสร้างต้น ทำให้ให้ผลผลิตได้มากขึ้น แต่หากเริ่มปลูกปลายเดือนกันยายน ต้นเก็กฮวยจะมีขนาดเล็ก กิ่งน้อย ส่งผลให้ปริมาณดอกน้อยตามไปด้วย
เมื่อถึงช่วงเก็บเกี่ยว สามารถใช้มือเด็ดดอกเก็กฮวยได้โดยตรง หลังจากเก็บเสร็จจะนำดอกมาทำความสะอาดแล้วเข้าสู่กระบวนการอบแห้งในโดมอบแห้งแบบพาราโบลา ซึ่งช่วยรักษากลิ่น สี และคุณภาพของดอกเก็กฮวยได้ดี
เมื่ออบจนดอกแห้งสนิทแล้ว จะนำมาบรรจุใส่ถุงสำหรับจำหน่ายทั้งในรูปแบบขายปลีกและขายส่ง โดยเน้นความสะอาดและมาตรฐานเพื่อคงคุณภาพของดอกเก็กฮวยอินทรีย์ให้ดีที่สุด
แปรรูปเก็กฮวย เพิ่มมูลค่า สร้างความยั่งยืน


ดอกเก็กฮวยอินทรีย์สามารถต่อยอดเพิ่มมูลค่าได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การแปรรูปเป็นชาดอกเก็กฮวย โดยมีทั้งแบบอบแห้งและบรรจุซองชาพร้อมชงดื่ม รวมถึงการผลิตเป็นเครื่องดื่มพร้อมดื่ม ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยส่งเสริมรายได้คือการเปิดฟาร์มให้คนเข้ามาเยี่ยมชม เรียนรู้ และสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
แม้ปัจจุบันผลผลิตยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด แต่พี่พลอยก็ยังเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยฝากแนวคิดสำหรับคนทำงานประจำที่อยากผันตัวมาเป็นเกษตรกรว่า “จุดเริ่มต้นสำคัญคือความชอบ” เพราะหากเรารักในสิ่งที่ทำ จะมีแรงผลักดันให้พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว แต่อาชีพเกษตรไม่ใช่ทางลัดที่ง่าย เพราะเป็นงานที่ต้องลงทุนสูง ทั้งในเรื่องวัสดุอุปกรณ์ ระบบน้ำ รวมถึงค่าแรงงาน ซึ่งต่างจากการทำงานประจำที่มีรายได้แน่นอน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลาออก ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน เพราะเกษตรไม่ใช่อาชีพที่ง่าย แต่หากมีการบริหารจัดการที่ดี มีแนวทางการผลิตที่ชัดเจน และต่อยอดด้วยการแปรรูปเพิ่มมูลค่า ก็สามารถสร้างความมั่นคง และเติบโตได้อย่างยั่งยืน
หากสนใจผลิตภัณฑ์เก๊กฮวยอินทรีย์สามารถติดต่อได้ที่
Facebook : มาฆะฟาร์ม makafarm
โทร : 086 464 2579
………………………………………
เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกษตรเพิ่มเติมได้ที่ :
𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸: เกษตรสัญจร
𝗬𝗼𝘂𝗧𝘂𝗯𝗲: youtube.com/c/Kasetsanjorn
𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸: tiktok.com/@kasetsanjorn
𝗦𝗵𝗼𝗽𝗲𝗲: shopee.co.th/kasetsanjorn
𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗢𝗳𝗳𝗶𝗰𝗶𝗮𝗹: @kasetsanjorn
𝗕𝗹𝗼𝗰𝗸𝗱𝗶𝘁: blockdit.com/kasetsanjorn/
𝗧𝘄𝗶𝘁𝘁𝗲𝗿: twitter.com/kasetsanjorn/
𝗪𝗲𝗯𝘀𝗶𝘁𝗲: kasetsanjorn.com







