ในช่วงฤดูฝน หลายสวนมักประสบปัญหา “ผลไม้แตก” ก่อนเก็บเกี่ยว เช่น ลำไย มะม่วง ชมพู่ แตงโม มะเขือเทศ ฯลฯ
ซึ่งเกิดจากการที่ต้นไม้ดูดน้ำมากเกินไปในเวลาสั้น ๆ ทำให้แรงดันในผลเพิ่มขึ้น จนผิวเปลือกไม่สามารถขยายตัวทัน ส่งผลให้เปลือกแตกร้าว เสียหายทั้งผล และขาดทุนทั้งแปลง วันนี้เกษตรสัญจรรวมเทคนิคและวิธีป้องกันผลไม้แตกในช่วงหน้าฝนที่เกษตรกรควรนำไปใช้ไว้มาฝากกันครับ
.
สาเหตุหลักที่ทำให้ผลไม้แตก
- ความชื้นในดินเปลี่ยนแปลงฉับพลัน
หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลไม้แตกคือ ความชื้นในดินเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน โดยเฉพาะในกรณีที่ดินแห้งมานานแล้วมีฝนตกหนักหรือน้ำหล่อเลี้ยงต้นในปริมาณมากในเวลาอันสั้น ส่งผลให้ต้นไม้ดูดน้ำเข้าไปอย่างรวดเร็ว เกิดแรงดันภายในผลเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ขณะที่ผนังเซลล์ของเปลือกผลไม้ไม่สามารถขยายตัวทันแรงดันภายใน จึงทำให้เปลือกผลแตกร้าวเสียหาย
.
- โครงสร้างของผนังเซลล์ไม่แข็งแรง
สาเหตุของผลไม้แตกเกิดจากโครงสร้างของผนังเซลล์ผลที่ไม่แข็งแรง โดยเฉพาะในกรณีที่พืชขาดธาตุอาหารอย่างแคลเซียม (Ca) หรือโบรอน (B) ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อความยืดหยุ่นและความหนาแน่นของผนังเซลล์ หากขาดธาตุเหล่านี้ ผิวของผลไม้จะบาง เปราะ และแตกง่าย นอกจากนี้ ผลไม้ที่อยู่ในระยะใกล้สุกมักมีการสะสมน้ำตาลในเซลล์สูง ทำให้เซลล์มีความสามารถในการอุ้มน้ำมาก แต่ความยืดหยุ่นลดลง จึงมีโอกาสที่ผลจะแตกได้ง่ายขึ้นเมื่อได้รับน้ำในปริมาณมาก
.
- ผลไม้เติบโตเร็วเกินไปจากการเร่งโต
อีกปัจจัยที่ทำให้ผลไม้แตกคือการเร่งการเจริญเติบโตมากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงใกล้เก็บเกี่ยว หากมีการใส่ปุ๋ยไนโตรเจน (N) มากเกินความจำเป็นจะกระตุ้นให้ผลไม้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เนื้อผลขยายเร็วกว่าเปลือก ทำให้ผิวบางลง และเมื่อได้รับน้ำมากในช่วงสั้น ๆ เปลือกจะรับแรงดันไม่ไหวจนเกิดการแตกร้าวได้ง่าย
.
- สภาพแวดล้อม
ในด้านของสภาพแวดล้อม พบว่าความชื้นสัมพัทธ์ที่สูงเกิน 80% ร่วมกับอุณหภูมิเฉลี่ยที่มากกว่า 30 องศาเซลเซียส จะส่งผลให้ผิวเปลือกของผลไม้สูญเสียความแข็งแรงตามธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้น หากมีแสงแดดแรงจัดตามหลังฝนตก จะเร่งการระเหยของน้ำที่ผิวผลอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความต่างของแรงดันระหว่างภายในและภายนอกผลอย่างเฉียบพลัน ส่งผลให้ผลไม้แตกร้าวได้ในที่สุด
.
เทคนิคป้องกันและลดปัญหาผลไม้แตกในหน้าฝน
- ควรรดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะช่วงที่ผลเริ่มพัฒนา หลีกเลี่ยงการปล่อยให้ดินแห้งนานแล้วจึงให้น้ำครั้งเดียว เพราะจะทำให้ต้นดูดน้ำเร็วเกินไปเสี่ยงผลแตก ควรคลุมโคนต้นด้วยวัสดุอินทรีย์ เช่น ฟางหรือแกลบ เพื่อรักษาความชื้น และจัดระบบระบายน้ำให้ดี ป้องกันน้ำขังที่โคนต้น
- เสริมแคลเซียมและโบรอนช่วยให้ผนังเซลล์ผลแข็งแรง ใช้แคลเซียมไนเตรต 10-20 กรัม และโบรอน 1-2 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทางใบทุก 7-10 วันช่วงผลโต แต่ต้องระวังไม่ให้เกินขนาด เพราะโบรอนมากเกินไปอาจเป็นพิษต่อพืชได้
- เลือกพันธุ์ที่เปลือกหนาหรือทนต่อการแตก เช่น มะเขือเทศลูกท้อ ชมพู่สีทอง หรือแตงโมเปลือกหนา เพื่อช่วยลดความเสียหายตั้งแต่ต้นทาง
- ในพื้นที่ฝนตกบ่อยช่วงเก็บเกี่ยวควรใช้โรงเรือนแบบเปิดหรือคลุมผลด้วยพลาสติกใส ป้องกันน้ำฝนโดยตรง และลดความต่างแรงดันที่ทำให้ผลไม้แตก
.
การป้องกันตั้งแต่ต้นย่อมดีกว่าการแก้ไขตอนผลเสียหายแล้ว เพราะนอกจากจะช่วยรักษาคุณภาพผลผลิต ยังลดความเสี่ยงขาดทุนได้ในระยะยาว ลองเลือกแนวทางที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมในสวน แล้วค่อย ๆ ปรับใช้ให้เหมาะกับพื้นที่และฤดูกาล เชื่อว่า ถ้ารู้ก่อนและเตรียมตัวทัน ปัญหาผลไม้แตกก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ต้องกลัวอีกต่อไปครับ
………………………………………
เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกษตรเพิ่มเติมได้ที่ :
𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸: เกษตรสัญจร
𝗬𝗼𝘂𝗧𝘂𝗯𝗲: youtube.com/c/Kasetsanjorn
𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸: tiktok.com/@kasetsanjorn
𝗦𝗵𝗼𝗽𝗲𝗲: shopee.co.th/kasetsanjorn
𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗢𝗳𝗳𝗶𝗰𝗶𝗮𝗹: @kasetsanjorn
𝗕𝗹𝗼𝗰𝗸𝗱𝗶𝘁: blockdit.com/kasetsanjorn/
𝗧𝘄𝗶𝘁𝘁𝗲𝗿: twitter.com/kasetsanjorn/
𝗪𝗲𝗯𝘀𝗶𝘁𝗲: kasetsanjorn.com