เอลนีโญ คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิผิวน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนตะวันออกและตอนกลาง ส่งผลให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวนทั่วโลก โดยเฉพาะ ภาวะแห้งแล้งในบางพื้นที่ และฝนตกหนักผิดปกติในบางภูมิภาค ในประเทศไทย เอลนีโญมักทำให้ อากาศร้อนและแล้งกว่าปกติ ปริมาณน้ำฝนลดลง และเกิดภัยแล้งรุนแรง ส่งผลต่อทั้งเกษตรกรที่ปลูกพืช และผู้ที่เลี้ยงสัตว์
.
เอลนีโญมักเกิดขึ้นเมื่อไหร่?
เอลนีโญมักเกิดขึ้นทุก 2-7 ปี และกินระยะเวลาประมาณ 9-12 เดือน โดยส่งผลกระทบในประเทศไทยปรากฏชัดเจนในรูปของภัยแล้ง และ อุณหภูมิที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วง ฤดูร้อน (มีนาคม-พฤษภาคม) ซึ่งเป็นช่วงที่ ความแห้งแล้งจะรุนแรงกว่าปกติและฝนทิ้งช่วงอย่างหนัก
.
ผลกระทบของเอลนีโญต่อการเกษตรในประเทศไทย
- ภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำรุนแรง ส่งผลให้ฝนตกน้อยลง ทำให้ ระดับน้ำในแม่น้ำ อ่างเก็บน้ำ และแหล่งน้ำธรรมชาติลดลง การเพาะปลูกพืชที่ต้องใช้น้ำมาก เช่น ข้าว อ้อย และข้าวโพด อาจได้รับผลกระทบหนัก และเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์อาจเผชิญปัญหา ขาดแคลนแหล่งน้ำและอาหารสัตว์
- ผลผลิตตกต่ำและราคาสินค้าเกษตรผันผวน ส่งผลให้พืชที่ไวต่อความแห้งแล้ง เช่น ข้าว ผัก และผลไม้ อาจให้ผลผลิตน้อยลง และทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเพราะต้องใช้น้ำและปุ๋ยมากขึ้น
- อากาศร้อนและแห้งเอื้อต่อการระบาดของเพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ และหนอนแมลงศัตรูพืช และโรคพืช เช่น ใบหงิก โรครากเน่า และโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา อาจแพร่กระจายง่ายขึ้น
.
เทคนิคเตรียมรับมือกับเอลนีโญ
- บริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ โดยติดตั้ง ระบบน้ำหยด หรือ ระบบชลประทานประหยัดน้ำ หรือขุดบ่อเก็บน้ำ และใช้แหล่งน้ำสำรองให้มากขึ้น
- เลือกปลูกพืชที่ทนแล้งและใช้น้ำน้อย ซึ่งพืชที่ทนกับเอลนีโญ ได้แก่ มันสำปะหลัง ถั่วเขียว ข้าวโพดฝักอ่อน งา และพืชไร่ หรือปลูกพืชระยะสั้นแทนพืชระยะยาว เพื่อให้ทันต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง
- ใช้วัสดุคลุมดินเพื่อลดการระเหยของน้ำ โดยใช้ฟางข้าว ใบไม้แห้ง หรือพลาสติกคลุมดิน ช่วยรักษาความชื้น หรือปลูกพืชคลุมดิน เช่น ถั่วเขียว หรือปอเทือง
- ติดตามพยากรณ์อากาศและวางแผนล่วงหน้า โดยใช้ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาและวางแผนจัดการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำที่มี
- ป้องกันศัตรูพืชและโรคพืช โดยใช้วิธีทางธรรมชาติ เช่น ชีวภัณฑ์กำจัดแมลง หรือสมุนไพรไล่แมลง และหมั่นตรวจสอบพืชเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
.
การรับมือกับปรากฏการณ์เอลนีโญต้องการการเตรียมตัวและการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ หากเกษตรกรสามารถวางแผนและปรับตัวได้ทันเวลา จะสามารถลดผลกระทบจากภัยแล้งและปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างดี การเลือกพืชที่ทนแล้ง, การบริหารจัดการน้ำ, และการติดตามข่าวสารพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด คือกุญแจสำคัญในการทำให้เกษตรกรสามารถขับเคลื่อนการเกษตรได้อย่างยั่งยืนในทุกสถานการณ์ อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในปีนี้กันนะครับ
………………………………………
เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกษตรเพิ่มเติมได้ที่ :
𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸: เกษตรสัญจร
𝗬𝗼𝘂𝗧𝘂𝗯𝗲: youtube.com/c/Kasetsanjorn
𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸: tiktok.com/@kasetsanjorn
𝗦𝗵𝗼𝗽𝗲𝗲: shopee.co.th/kasetsanjorn
𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗢𝗳𝗳𝗶𝗰𝗶𝗮𝗹: @kasetsanjorn
𝗕𝗹𝗼𝗰𝗸𝗱𝗶𝘁: blockdit.com/kasetsanjorn/
𝗧𝘄𝗶𝘁𝘁𝗲𝗿: twitter.com/kasetsanjorn/
𝗪𝗲𝗯𝘀𝗶𝘁𝗲: kasetsanjorn.com