จากการที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ดำเนินมาตรการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 28 เมษายน 2563 รายละ 15,000 บาท โดยจ่ายเดือนละ 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (พ.ค. – ก.ค. 2563) 10 ล้านราย วงเงินงบประมาณจำนวน 150,000 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ผ่าน ธ.ก.ส. กว่า 1,200 สาขาทั่วประเทศ
ความคืบหน้าล่าสุด ธ.ก.ส. ได้ดําเนินการโอนเงินเยียวยาให้เกษตรกรกลุ่มที่ 1 ไปแล้ว 3,722,604 ราย เป็นเงิน 18,613.02 ล้านบาท ข้อมูลเกษตรกรกลุ่มที่ 1 รอบที่ 2 ที่ ธ.ก.ส. ได้รับจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จํานวน 3,519,434 ราย ซึ่งหลังจากได้ทําการตรวจสอบ ความซ้ำซ้อนและคัดกรองสถานะผู้เสียชีวิต เหลือผู้มีสิทธิ์จํานวน 3,410,314 ราย ระบบจะทำการจ่ายเงินให้แก่ผู้ที่ได้รับสิทธิ์อย่างต่อเนื่องทุกวันไปจนถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2563
ด้าน กษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้รายละเอียดว่า สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับโอนเงินเยียวยาจากปัญหาการไม่พบบัญชีจํานวน 438,251 ราย จึงขอให้เกษตรกรที่มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยาทั้งในรอบที่ 1 จํานวน 109,600 ราย และรอบที่ 2 อีกจํานวน 328,651 ราย รีบแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากผ่านทาง เว็บไซต์ www.เยียวยาเกษตรกร.com โดยเร็ว ทั้งนี้ จะเป็นบัญชีธนาคารใดก็ได้ ไม่จําเป็นต้องมาเปิดบัญชีใหม่กับ ธ.ก.ส. ซึ่งวิธีที่สะดวกรวดเร็วที่สุดคือควรเป็นบัญชีที่ผูกพร้อมเพย์กับบัตรประชาชน
ขณะที่ความเห็นของผู้คนที่ลงทะเบียนที่ตรวจสอบสถานะเงินเยียวยาเกษตรกรนั้นก็ยังคงพบการร้องเรียนเรื่องความล่าช้าของระบบโอนเงิน หรือการตั้งข้อสังเกตถึงประสิทธิภาพของระบบคิดกรองที่ทำให้เกษตรกรหลายคนยังไม่ได้รับเงินเยียวยาอย่างที่ควรจะเป็น บางคนออกความเห็นด้วยอารมณ์โกรธทำนองว่า “แทนที่จะโอนให้คนที่พร้อมก่อน ทั้งๆ ที่ได้รับสิทธิ์ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงป่านนี้เงินยังไม่เข้าบัญชีเลย”
ผู้ลงทะเบียนรายหนึ่งได้เข้าไปแสดงความเห็นใต้โพสต์ข่าวของ ธ.ก.ส. ในเพจ สถานีข่าวกระทรวงการคลัง : Ministry of Finance News Station โดยแสดงมุมมองอย่างเผ็ดร้อนว่า “ส่วนมากคนที่ได้รับสิทธิและแจ้งการรับเงินธนาคารอื่นที่ไม่ใช่ของธกส.จะอยู่ที่รับเข้าระบบตั้งแต่วันแรกจนป่านนี้ยังไม่โอนแต่ถ้าเป็นบัญชีธกส.จะได้เร็วมากรับเข้าระบบไม่เกิน2วันได้ตังค์และอยากให้โอนของคนที่รับเข้าระบบที่เป็นธนาคารอื่นบ้างคะรอมาหลายวันแล้ว”
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผู้ลงทะเบียนมายืนยันถึงความ ตกหล่นของโครงการดังกล่าว จากการที่ครอบครัวตนเองมีรายชื่อในระบบประกันสังคมเพียงคนเดียว แต่ทำให้คนอื่นๆ ในครอบครัวพลอยไม่ได้รับเงินเยียวยาในส่วนนี้ไปด้วยทั้งๆ ที่เป็นเกษตรกร
“พยายามทำให้รัดกุมที่สุด ชัดเจนที่สุด ไม่ให้เล็ดรอด ซึ่งในทางปฏิบัติจริงๆ …. มันมั่วไปแล้วเป็นล้านครับท่าน !!