ไขข้อสงสัย กัญชาทางการแพทย์ ประโยชน์เพื่อใคร ใครใช้ ใครมีเอี่ยว
เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในยุคแรกของนโยบายการปลดล็อคกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ซึ่งจากความร่วมมือหลายภาคส่วนโดยมีประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ก็พบความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างชัดเจนในเรื่องของความก้าวหน้าในการจัดการและดำเนินการและ ประโยชน์ที่เริ่มเห็นผลผลิตในกลุ่มประชาชน โดยแกนนำหลักที่สำคัญในการขับเคลื่อน ได้แก่ ดร.ภก.อนันต์ชัย อัศวเมฆิน คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่สนับสนุนผลักดันให้การดำเนินงานมีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
ดร.ภก.อนันต์ชัย กล่าวว่า ประเด็นหลักของ “ทิศทางนโยบายกัญชาทางการแพทย์และสุขภาพเพื่อประชาชนในระยะต้นน้ำได้มีการปลดล็อคบางส่วนเพื่ออำนวยการ ซึ่งอาศัยภาครัฐเป็นตัวกลางหลักในการขับเคลื่อน สำหรับในปีที่ 2 จะเป็นการขับเคลื่อนนโยบายกัญชาเพื่อผลักดันเศรษฐกิจ โดยภาคเอกชนจะเข้ามามีส่วนสำคัญในการผลักดันนโยบายมากยิ่งขึ้น ตรงนี้หลายฝ่ายจึงตีความว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ ทั้งที่ความจริงแล้วนโยบายและกลไกในการดำเนินงานจะขับเคลื่อนโดยกระทรวงสาธารณสุขเพียงอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องมุ่งเน้นความร่วมมือจากทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การปลูก การแปรรูปผลิตภัณฑ์ การผลิตนวัตกรรม การจำหน่าย และส่งออก สามารถดำเนินไปได้อย่างครบวงจร โดยพันธมิตรที่ร่วมมือดำเนินงานด้านกัญชา ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สหกรณ์การเกษตร เป็นต้น
โดยดร.ภก.อนันต์ชัย กล่าวต่ออีกว่า ประเด็นที่สำคัญ คือการทำให้ประชาชนเข้าใจในสิ่งที่รัฐพยายามที่จะดำเนินการ โดยขณะนี้มีการนำ Social listening โดยรับฟังกระแสตอบรับจากประชาชนในเรื่องของนโยบายกัญชาฯ ทั้งในเชิงลบและเชิงบวก เพื่อทำการวิเคราะห์ความต้องการของประชาชน คัดกรองประเด็นสำคัญ แก้ไขความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ให้ประชาชนทราบถึงข้อเท็จที่เป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้น
แผนการขับเคลื่อนนโยบายกัญชาทางการแพทย์และสุขภาพเพื่อประชาชน ในลักษณะต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำยังหมายความถึง กลไกผลักดันการปลูก เพิ่มผลผลิต นำไปสู่การแปรรูป ร่วมมือกับภาคเอกชนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากภาครัฐ ทั้งเรื่องการขออนุญาตและนำไปใช้ เพื่อให้นโยบายขับเคลื่อนไปได้อย่างถูกต้องและเห็นผลชัดเจน