อธิบดีกรมปศุสัตว์ชี้ภาครัฐร่วมเอกชนป้องกันโรคในหมูได้อยู่หมัดวอนหยุดปล่อยข่าวหวังทุบราคาแล้วฟันกำไรงาม
29 มิ.ย. 64 นายสัตวแพทย์สรวิศธานีโตอธิบดีกรมปศุสัตว์เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคระบาดที่สำคัญในสุกรว่าปัจจุบันภาครัฐได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชนรวมทั้งนักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันการศึกษาในการป้องกันโรคระบาดที่สำคัญในสุกรอาทิเช่นโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ล่าสุดได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวังและป้องกัน 7 ด้านประกอบไปด้วย
1. เร่งรัดติดตามการขึ้นทะเบียนผู้รวบรวมสุกรหรือพ่อค้าคนกลาง (broker) ในแต่ละจังหวัดให้เสร็จโดยเร็ว
2. ปรับปรุงมาตรการและหลักเกณฑ์การเคลื่อนย้ายให้ง่ายต่อการปฏิบัติและให้มีประสิทธิภาพต่อการป้องกันโรคโดยผ่านคณะอนุกรรมการวิชาการให้ออกมาตรการโดยเร็วที่สุด
3. ชี้แจงมาตรการและหลักเกณฑ์การเคลื่อนย้ายสุกรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
4. กองสารวัตรและกักกันให้เข้มงวดการตรวจสอบสุกรและผลิตภัณฑ์สุกรที่จะส่งออกไปต่างประเทศโดยให้ดำเนินการสุ่มเก็บตัวอย่าง ณ ด่านขาออกหากพบสัตว์ผิดปกติให้ดำเนินการตามที่กรมปศุสัตว์กำหนดอย่างเข้มงวด
5. สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติตั้งคณะกรรมการพิจารณาการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกัน ASE
6. สำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์รวบรวมและแจ้งรายชื่อโรงฆ่าสัตว์ที่สามารถรองรับการบริหารจัดการการดำเนินการลดความเสี่ยงต่อโรคภายในจังหวัดส่งให้ปศุสัตว์จังหวัดดำเนินการ
7. บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดหากพบการกระทำผิดแจ้งข้อมูลที่แอปพลิเคชั่น DLD 4.0 หรือสายตรงผู้บริหารกรมโดยตรง
ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรการป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพและสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทำให้ราคาสุกรเดิมที่เคยตกต่ำราคาหน้าฟาร์ม 60 กว่าบาทต่อกิโลกรัมขยับกลับขึ้นมาที่ราคา 75-76 บาทต่อกิโลกรัมซึ่งเป็นราคาใกล้เคียงกับต้นทุนของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรในปัจจุบันและมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างไรก็ตามได้มีขบวนการของผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวการเกิดโรคระบาดในสุกรหวังผลให้ราคาตกต่ำแล้วซื้อทำกำไรซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการทำร้ายเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรโดยเฉพาะรายย่อยที่พึ่งเริ่มฟื้นตัวจากราคาสุกรที่เริ่มดีขึ้นจึงขอให้หยุดการกระทำดังกล่าวเสียในทันไม่เช่นนั้นกรมปศุสัตว์จะมีมาตรการดำเนินการโดยเด็ดขาดต่อไปข้อมูล