พี่เกว เจ้าของโมเดลเกษตรแปลงจิ๋วปลูกพืชแบบผสมผสานบนพื้นที่เพียงแค่ 70 ตารางวากับพื้นที่บ้าน 70 ตารางวา รวมเป็นพื้นที่ทั้งหมด 140 ตารางวา
จุดเริ่มต้นทำเกษตรแปลงจิ๋ว
เดิมบ้านจะเป็นพื้นที่โล่ง ๆ พี่เกวทำอาชีพเป็นช่างเสริมสวยและมีคนแก่มาขายผักที่หน้าบ้าน จึงมีความคิดที่ว่าเราอายุยังน้อยทำไมต้องให้คนแก่มาปลูกผักให้เรากิน หลังจากนั้นจึงเริ่มต้นปลูกพริก มะเขือ ถั่วพลู กะกล่ำปลี ใส่ในกะละมัง
เมื่อมีลูกค้ามาทำผมที่ร้าน จะมีลูกค้ามาถ่ายรูปกับผักที่พี่เกวปลูกไว้เนื่องจากผักสวย พี่เกวจึงเริ่มจุดประกายการสร้างรายได้จากการปลูกผัก และพลิกผักตัวเองมาขยายพันธุ์พืชขายเริ่มจากการขายกล้าพริก กล้ามะเขือ ราคาต้นกล้าละ 5 บาท และมีเพื่อนมาอุดหนุนจำนวนมาก ซึ่งมีวันนึงที่สามารถจำหน่ายได้ถึง 3,500 บาท จึงสนใจการทำการเกษตรมากขึ้นและเริ่มพัฒนาการเพาะเมล็ด ปักชำ ตอนกิ่งขาย จนเป็นรูปแบบเกษตรแปลงจิ๋วในปัจจุบัน จนสามารถพัฒนารายได้จาก 3,500 ไปถึงเดือนละ 15,000 บาท ในปีแรก
เริ่มต้นทำการเกษตรเจอปัญหาอะไรบ้าง ?
พี่เกวเริ่มปลูกต้นไม้ใน 3 ปีแรก ต้นไม้ที่ปลูกไว้ในสวนตายทั้งหมด เนื่องจากบริเวณที่ปลูกเป็นพื้นที่แล้ง จึงเริ่มศึกษาเพิ่มเติมหาความรู้จากในอินเตอร์เนตและนำมาต่อยอดปรับปรุงพัฒนามาเรื่อย ๆ โดยเน้นที่การลงมือทำ เมื่อเจอปัญหาจะค่อย ๆ แก้และปรับไปเรื่อย ๆ
วิธีแก้ไขปัญหาความแห้งแล้งในพื้นที่
พี่เกวเริ่มศึกษาวิธีการแก้ปัญหาให้สวนมีความชุ่มชื้นมากตลอดทั้งปี จึงเกิดการทำธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิดกระจายทั่วพื้นที่ หลังจากนั้นจึงขุดร่องน้ำรอบสวนเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และปลูกพื้นได้หลากหลาย โดยเฉพาะพืชน้ำในช่วงหน้าแล้ง
การมีพื้นที่น้อยวางแผนอย่างไร ?
ในการปลูกครั้งแรก พื้นที่ 70 ตารางวา พี่เกวยังไม่ได้วางแผนการปลูกโดยปลูกพืชปะปนกันทั้งหมดทำให้เจอปัญหา จึงเริ่มคิดแก้ไขปัญหาจากการปลูกพืชในพื้นที่จำกัด และได้ไปเห็นรูปภาพที่มีการปลูกพืชแบบทรงปิรามิดฐานสี่เหลี่ยม การปลูกพืชลักษณะนี้จะสามารถปลูกพืชได้หลากหลาย พี่เกลจึงเริ่มวางแผนจัดวางองค์ประกอบพืช
วิธีการปลูกพืชแบบปิรามิดฐานสี่เหลี่ยมทำยังไง ?
การปลูกแบบปิรามิดของพี่เกว จะใส่ไม้ไผ่หรือไม้ป่าไว้ตรงกลาง ถัดลงมาจะเป็นไม้ผลไล่ระดับลงมาจนไปถึงข่าตะไคร้ การจัดวางแบบนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ใช้ประโยชน์สูงสุดในพื้นที่จำกัด โดยให้พืชทุกชนิดอยู่ร่วมกันได้ในพื้นที่น้อย โดยมีโจทย์ว่าทำอย่างไรให้สามารถสร้างรายได้จากพื้นที่จำกัดให้สามารถอยู่รอด
ทำเกษตรแปลงจิ๋วมากี่ปีแล้ว ?
พี่เกวเริ่มต้นทำเกษตรแปลงจิ่วตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 ระยะเวลา 6 – 7 ปี โดยในปี พ.ศ.2563 ช่วงที่โควิดเริ่มระบาดหนักได้ตัดสินใจไปอบรมเพิ่มเติมกับท่านอาจารย์ กมล พรหมมาศ ที่จังหวัดอุทัยธานี โดยไปดูหลักการให้สามารถลดต้นทุนได้มากที่สุดและนำมาประยุกต์ให้เข้ากับพื้นที่ โดยวิเคราะห์พึงปัญหาของในพื้นที่และค่อย ๆ ปรับไปเรื่อย ๆ
โดยพี่เกวมองว่าเราปลูกพืชผักสมุนไพรทุกอย่างไว้กินแต่เราต้องกินไข่และมีเนื้อสัตว์ไว้รับประทาน จึงเริ่มต้นเลี้ยงไก่สำหรับไว้บริโภคในครอบครัว
ปัจจุบันรายได้จากการทำเกษตรแปลงจิ๋วเป็นอย่างไร ?
ทุกวันนี้พี่เกวมีรายได้ที่มั่นคง หลังจากทำมาแล้วประมาณ 5 ปี เราจะเริ่มรู้ว่าจะสามารถอยู่ได้หรือไม่ได้ หากทุกคนเริ่มลงมือทำจะสามารถหาคำตอบได้ เมื่อเริ่มมั่นคงแล้วจึงเริ่มเผยแพร่ความรู้ให้กับผู้ที่สนใจ ซึ่งรายได้ขั้นต่ำจะอยู่ที่ประมาณ 6,000 บาท ไปจนถึง รายได้ 30,000 บาท
ภายไหนพื้นที่มีการปลูกพืชชนิดไหนบ้าง ?
พื้นที่โซนหน้าบ้าน
พี่เกวจะปลูกมะเขือเปราะ มะละกอ และพริก โดยการนำเศษหินเศษไม้มาทำเป็นขอบแปลง และนำอินทรีย์วัตถุต่าง ๆ มาปูพื้นในแปลงเพื่อเพิ่มจุลินทรีย์ จะมีการนำเปลือกไข่ตำมาโดยรวมถึงนำขยะเปียกในครัวเรือนมาโรยและใช้ถ่ายกลบสลับชั้นกับดิน และรดน้ำหมักทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือน จะสามารถปลูกผักได้ ผักขมพื้นบ้านที่ปลูกไว้สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้จำหน่ายได้ รวมถึงการเพาะพันธุ์ต้นมัลเบอร์รี่ สามารถจำหน่ายได้ที่กระถางละ 150 บาท และยังมีการปลูกดอกไม้ เช่นพวงครามออสเตรเลีย พี่เกวจะเก็บเมล็ดมาแกะใส่ซองจำหน่าย
ด้านหลังของแปลงจะมีการเลี้ยงปลานิล โดยอยู่ร่สมกับหอยเชอร์รี่สีทองและหอยพื้นบ้าน โดยนำไปตองที่ปลูกไว้มาทำเป็นอาหารสำหรับหอย โดยปลูกวอเตอร์เครสไว้รอบ ๆ บ่อปลา สามารถจำหน่ายได้ที่กิโลกรัมละประมาณ 70 บาท และยังมีการปลูกข้าวชมพูสำหรับไว้เก็บเมล็ดพันธุ์ขาย
ด้านหลังแปลงจะมีการปลูกอ้อย กล้วยและลูกยอ โดยลูกยอสามารถเก็บลูกขายได้ราคากิโลกรัมละประมาณ 5 บาท – 12 บาท
พี่เกวปลูกต้นหมากพันธุ์สูงซึ่งจะมีรสชาติอร่อยและเป็นที่นิยมกว่าหมากเตี้ย และปลูกหน่อไม้ฝรั่งสำหรับรับประทานในครอบครัวและรอมีเมล็ดเพื่อเก็บไว้จำหน่าย
พื้นที่รอบ ๆ บ้านและข้างบ้าน
บริเวณรอบ ๆ บ้านพี่เกวจะเพาะพันธุ์พืชขาย โดยปลูกผักหวานป่าและต้นกล้าหลากหลายชนิดไว้จำหน่าย ด้านข้างบริเวณบ้านพี่เกวจะเลี้ยงแหนแดงในบ่อวงสำหรับเป็นอาหารให้ปลาและไก่ เพื่อเป็นการลดต้นทุน
พื้นที่หลังบ้าน
บริเวณหลังบ้าน พี่เกวจะทำส้วมพันธุ์ปี เป็นส้วมที่ไม่ต้องมีการดูดเป็นการแก้ปัญหาการดูดส้วมอีกต่อไป โดยพี่เกวศึกษาข้อมูลจากในยูทูป โดยการเจาะรู 3 รูบนบ่อแรกและขุดหลุมขนาดครึ่งวงกลมกว้าง 2 เมตร ลึก 2 เมตรและใส่หินเข้าไปจนเกือบเต็มให้เหลือประมาณ 1 คืบ เพื่อให้มีช่องว่างและน้ำสามารถซึมผ่านได้ โดยใช้หลักการเดียวกับการทำธนาคารน้ำใต้ดิน โดยให้น้ำล้นออกมาซึมลงดินซึ่งการทำส้วมลักษณะนี้ทำให้พื้นที่บริเวณรอบ ๆ ไม่มีกลิ่นเหม็น
พื้นที่ปลูกต้นหมาก
พี่เกวปลูกต้นหมากสูงเพื่อต้องการได้ลูกหมากไว้ขยายพันธุ์พืชขาย และกาบหมากในอนาคตจะนำไปทำจาน โดยจะปลูกต้นชะพูไว้ใกล้ ๆ ต้นหมากด้วย
พื้นที่เลี้ยงไก่
พี่เกวแบ่งพื้นที่เล็ก ๆ ไว้สำหรับเลี้ยงไก่ โดยจะนำไข่ไก่มารับประทานในครอบครัว
พื้นที่ปลูกต้นดีปลี
พี่เกวปลูกต้นดีปลี โดยสามารถตัดกิ่งพันธุ์ขายที่กิ่งละ 20 บาท
หลังจากทำเกษตรชีวิตเปลี่ยนไปยังไง ?
พี่เกวมองว่าการทำการเกษตรช่วยให้ชีวิตมีความสุขและสงบ จากเดิมที่ต้องออกไปพบปะผู้คนและสังคมข้างนอกจะค่อนข้างมีความวุ่นวาย แต่เมื่อหันมาทำการเกษตรจะอยากอยู่กับบ้าน อยากอยู่กับบ้าน และไม่อยากออกไปไหน
การบริหารจัดการระบบน้ำในสวน
น้ำที่ได้จากการล้างจานพี่เกวจะต่อระบบท่อให้ไหลไปยังโคนต้นไม้ เพื่อนำน้ำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และน้ำที่ใช้ในการอาบน้ำในห้องน้ำจะมีท่อต่อให้ไหลไปตามบริเวณต้นไม้ที่ปลูก
ลูกค้าส่วนใหญ่มาจากไหน ?
ลูกค้าส่วนใหญ่จะมาจากช่องทางออนไลน์ ในเฟสบุ๊คแฟนเพจ “โมเดลเกษตรแปลงจิ๋ว” โดยมีการสร้างเพจมา 5 – 6 ปี และมีฐานลูกค้าประจำ
เทคนิคในการสร้างเพจ คือการตั้งชื่อเพจให้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการค้นหา โดยที่ไม่ต้องยิงแอดโฆษณา ซึ่งในการโพสจะอธิบายถึงเรื่องพืชและบรรยายสรรพคุณของพืชแต่ละชนิดได้ หลังจากนั้นจะสามารถขายและสร้างรายได้จากช่องทางนี้ได้ ตราบใดที่ยังไม่เข้าใจเรื่องพืชเราจะขายของไม่ได้
ปัจจุบันได้กลายเป็นศูนย์เรียนรู้ ?
ปัจจุบันที่โมเดลเกษตรแปลงจิ๋วได้กลายเป็นศูนย์เรียนรู้ โดยมีหลายหน่วยงานขอเข้าเยี่ยมชม โดยที่นี่จะเน้นองค์รวมของการใช้ชีวิตเป็นพื้นฐานชีวิตของแต่ละครอบครัว เช่น การกินอยู่โดยการใช้เตาฟืน และนำขี้เถ้าไปคลุกกับเมล็ดพันธุ์เพื่อผ้องกัน มด แมลง เชื้อรา ซึ่งทุกอย่างจะได้ประโยชน์สูงสุดและเกื้อกูลกันทั้งระบบ
หากสนใจทำเกษตรแปลงจิ๋วแต่ต้องทำยังไง ?
ต้องเริ่มจากการศึกษาหาความรู้ก่อนและเริ่มทำความเข้าใจเรื่องพืชแต่ละชนิด รวมถึงสรรพคุณ ประโยชน์ แล้วจะเริ่มกลายเป็นช่องทางสร้างรายได้ โดยเราต้องรู้ว่าเราชอบกินพืชชนิดไหนก่อน พืชชนิดไหนอยู่ร่วมกันได้ พืชชนิดไหนชอบแดด ชอบร่ม หรือชอบน้ำ
ก่อนที่จะได้ผลผลิตขาย ต้องได้ขยายพันธุ์พืชขายก่อนซึ่งเป็การสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน โดยที่ไม่ต้องเสียเวลารอให้ออกผลถึงตัดขาย หลังจากนั้นต้องมีการออกแบบพื้นที่ โดยการวางไม้ใหญ่ไว้ตรงกลาง โดยมองว่าปลูกยังให้ได้ประโยชน์มากที่สุด
แรงบันดาลใจและคติในการดำเนินชีวิต
พีเกวมองว่ามนุษย์ต้องการแค่ปัจจัย 4 หากเรารู้จักพอในการใช้ชีวิต ทั้งมีกินมีใช้และมีความสุข ก็พอเพียงโดยที่ไม่ต้องการอะไรแล้ว
ฝากเป็นกำลังใจให้คนที่อยากทำเกษตร
หากไม่มีพื้นที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญในการเริ่มต้นทำการเกษตร สำหรับคนเมืองหากอยากทำการเกษตรแค่มีพื้นที่ข้างระเบียงก็สามารถเริ่มต้นทำการเกษตรได้ โดยใช้การวางแผนออกแบบและจินตนาการออกแบบให้สามารถสร้างรายได้จากพื้นที่จำกัดได้ การลงมือทำคือคำตอบของทุก ๆ คำถาม
หากสนใจสั่งซื้อสินค้าจากพี่เกล สามารถเข้าไปได้ที่เฟสบุค “โมเดลเกษตรแปลงจิ๋ว” หรือหมายเลขโทรศัพท์ 065-6917009
………………………………………
เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกษตรเพิ่มเติมได้ที่ :
𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸: เกษตรสัญจร
𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗢𝗳𝗳𝗶𝗰𝗶𝗮𝗹: @kasetsanjorn
𝗕𝗹𝗼𝗰𝗸𝗱𝗶𝘁: blockdit.com/kasetsanjorn/
𝗬𝗼𝘂𝗧𝘂𝗯𝗲: youtube.com/c/Kasetsanjorn
𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸: tiktok.com/@kasetsanjorn
𝗧𝘄𝗶𝘁𝘁𝗲𝗿: twitter.com/kasetsanjorn/
𝗪𝗲𝗯𝘀𝗶𝘁𝗲: kasetsanjorn.com