การฉีดพ่นสารอาหารหรือปุ๋ยน้ำทางใบเป็นการเสริมสารอาหารที่พืชสามารถดูดซึมได้โดยตรงผ่านใบ ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลรวดเร็วและสามารถเห็นผลลัพธ์ภายในระยะเวลาอันสั้น แต่การฉีดพ่นที่ถูกต้องต้องใช้เทคนิคและความรู้ที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับพืชและให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เรามาดูกันดีกว่าครับว่า มีขั้นตอนและเทคนิคอย่างไรบ้าง
.
1. เลือกเวลาในการฉีดพ่นให้เหมาะสม
การเลือกเวลาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญมากในการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ ซึ่งเวลาที่ดหมาะสมได้แก่
– ช่วงเช้า เป็นช่วงเวลาเช้าหลังจากพระอาทิตย์ขึ้นไม่เกิน 9 โมง จะดีที่สุด เนื่องจากช่วงนี้อากาศเย็นและมีความชื้นในอากาศ ช่วยให้สารอาหารดูดซึมได้ดี
– ช่วงเย็น ในช่วงบ่าย 4 โมง ถึง 6 โมงเย็น ก็เป็นเวลาเหมาะสม เพราะใบพืชจะยังไม่ร้อนเกินไป และปุ๋ยไม่ระเหยเร็วเกินไป
– และควรหลีกเลี่ยงการฉีดพ่นในช่วงเที่ยง เนื่องจากอากาศร้อนและแสงแดดจะทำให้สารอาหารระเหยเร็วและอาจทำให้พืชเครียดได้
.
2. การเตรียมสารอาหารหรือปุ๋ยน้ำที่เหมาะสม
– การเลือกปุ๋ยหรือสารอาหารที่จะใช้ฉีดพ่นทางใบมีผลต่อการดูดซึมของพืช ซึ่งควรใช้ปุ๋ยที่มีสารอาหารที่พืชต้องการ เช่น ไนโตรเจน (N) เพื่อการเจริญเติบโตของใบ, ฟอสฟอรัส (P) เพื่อการพัฒนาราก, โพแทสเซียม (K) เพื่อความแข็งแรงของพืช
– สูตรที่เหมาะสม ได้แก่สูตร 20-20-20 หรือสูตรที่มีสัดส่วนของ N-P-K เท่ากัน มักจะใช้ได้ดีสำหรับการฉีดพ่น เพราะเหมาะกับการเสริมการเจริญเติบโตของพืชทั่วไป
– การเจือจางและการผสมปุ๋ยควรใช้ตามคำแนะนำของผู้ผลิต เพราะการใช้เข้มข้นเกินไปอาจทำให้เกิดอาการใบไหม้ได้
.
3. การใช้อัตราส่วนที่เหมาะสมและความเข้มข้น
การผสมสารอาหารหรือปุ๋ย ควรผสมสารอาหารหรือปุ๋ยในอัตราส่วนที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการเผาไหม้ของใบ หากใช้เข้มข้นเกินไปอาจทำให้สารอาหารตกค้างและทำให้เกิดปัญหาผิวใบ ปุ๋ยหรือสารอาหารที่ใช้ควรมีความเข้มข้นประมาณ 1/4 หรือ 1/2 ของปุ๋ยที่ใช้ในระบบการรดน้ำเพื่อไม่ให้พืชเกิดการเครียด
.
4. เทคนิคการฉีดพ่นที่มีประสิทธิภาพ
– ควรใช้เครื่องพ่นแบบละอองละเอียด เพื่อให้สารอาหารสามารถกระจายได้อย่างทั่วถึง และไม่ตกลงสู่ดินมากเกินไป
– ระยะห่างระหว่างเครื่องพ่นและใบพืช ควรอยู่ที่ประมาณ 20-30 ซม. เพื่อให้ละอองของปุ๋ยกระจายไปทั่วทั้งใบ โดยไม่ทำให้ปุ๋ยตกลงไปในดิน
– ควรพ่นให้ทั้งใบด้านบนและด้านล่าง เพราะใบด้านล่างมีรูพรุน ซึ่งมีความสำคัญในการดูดซึมสารอาหาร
.
5. หลีกเลี่ยงการพ่นในสภาพอากาศที่ไม่เหมาะสม
– ในช่วงฝนตก หากมีฝนตกหลังจากการฉีดพ่นไม่นาน สารอาหารจะถูกล้างออกจากใบได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการฉีดพ่นในวันที่คาดว่าจะมีฝนตก
– หากลมแรงเกินไปจะทำให้ปุ๋ยกระจายไปในทิศทางที่ไม่ต้องการและอาจเสียเปล่าได้
.
6. การดูแลหลังการฉีดพ่น
– หลังจากฉีดพ่นแล้วควรให้ใบพืชแห้งก่อนการสัมผัสกับน้ำหรือฝน เพื่อให้สารอาหารได้ถูกดูดซึมอย่างเต็มที่
– ควรตรวจสอบอาการของพืชหลังการฉีดพ่น เช่น สีของใบ หากใบเริ่มมีอาการไหม้หรือเหลือง ควรลดความเข้มข้นของสารอาหาร
.
7. การฉีดพ่นสารอาหารในระยะเวลาที่เหมาะสม
– ระยะเวลาการฉีดพ่น ควรฉีดพ่นทุก 7-14 วัน หรือเมื่อพืชมีการขาดสารอาหาร อาจเพิ่มความถี่ขึ้นตามความต้องการของพืชแต่ละชนิด
.
การฉีดพ่นสารอาหารทางใบที่ถูกวิธีไม่เพียงแต่จะช่วยให้พืชเติบโตได้เร็วและแข็งแรง แต่ยังช่วยเพิ่มผลผลิตและลดการสูญเสียสารอาหารจากดินได้ดีขึ้น! หวังว่าเทคนิคที่เกษตรสัญจรนำมาฝากจะเป็นประโยชน์ในการเกษตรของเพื่อน ๆ ทุกคนนะครับ
………………………………………
เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกษตรเพิ่มเติมได้ที่ :
𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸: เกษตรสัญจร
𝗬𝗼𝘂𝗧𝘂𝗯𝗲: youtube.com/c/Kasetsanjorn
𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸: tiktok.com/@kasetsanjorn
𝗦𝗵𝗼𝗽𝗲𝗲: shopee.co.th/kasetsanjorn
𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗢𝗳𝗳𝗶𝗰𝗶𝗮𝗹: @kasetsanjorn
𝗕𝗹𝗼𝗰𝗸𝗱𝗶𝘁: blockdit.com/kasetsanjorn/
𝗧𝘄𝗶𝘁𝘁𝗲𝗿: twitter.com/kasetsanjorn/
𝗪𝗲𝗯𝘀𝗶𝘁𝗲: kasetsanjorn.com
ุ