

วันเกษตรสัญจรจะพามารู้จักเกษตรกรต้นแบบ คุณนิติพงษ์ เจาะจง (ชาวนาขาร็อก) ผู้ที่หลงใหลในเสียงเพลง อดีตนักดนตรีกลางคืนสู่การเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยการกลับสู่บ้านเกิด ที่ จ.ร้อยเอ็ด เดินตามความฝันอีกหนึ่งอย่าง นั้นก็คือการทำเกษตรนั้นเอง แต่ที่แตกต่างจะคนอื่นๆคือ คุณนิติพงษ์ สามารถประดิษฐ์ เครื่องมือที่จะทุ่นแรงในการทำนาในครั้งนี้ จะเป็นยังไงเราไปฟังกัน


คุณนิติพงษ์ เจาะจง เกษตรกรเจ้าของกิจการ “ธัญทิพย์ฟาร์ม”ปลูกข้าวอินทรีย์ นอกจากเป็นเกษตรกรที่มีภาพลักษณ์แบบชาว rocker แล้วความน่าสนใจของเขาจริงๆอยู่ที่แนวคิดต้นแบบด้านการทำนาแบบลดต้นทุน ควบคู่กับการเพิ่มมูลค่าในแปลงนา ชาวนานักประดิษฐ์ สร้างเครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์ข้าว ที่ช่วยให้การทำนาเป็นเรื่องง่าย ประหยัดแรงงาน ลดเวลาการทำงาน อีกทั้งส่งผลผลิตคุณภาพดี


ในอดีต เป็นนักดนตรีอยู่ในกรุงเทพ ห่วงสุขภาพพ่อแม่ที่มีอายุมากขึ้นเลยเริ่มกลับมาบ้านมองหาอาชีพอื่นๆที่จะสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงได้ ครอบครัวของตนเองมีพื้นที่นาที่สามารถเพาะปลูกได้ และตนเองก็ความความฝันอยากลองทำนาดูสักครั้งหนึ่ง เพราะมีต้นแบบเป็นชาวนาเงินล้าน (คุณชัยพร พรหมพันธุ์) และเมื่อกลับมาอยู่ดูแลพ่อแม่ที่บ้าน วิถีชีวิตในชนบทนั้นสงบสุข พอกลับไปทำงานที่กรุงเทพอีกก็รู้สึกไม่มีความสุขอยากจะกลับบ้านก็เลยตัดสินกลับบ้านมาปลูกข้าว เป็นชาวนาเต็มตัว ในช่วง 2 ปีแรกไม่มีความรู้เรื่องการทำนาเลย เลยทดลองทำนาตามขาวบ้านที่เขาแนะนำตามๆกันมา แต่เป็นการทำนาแบบพึ่งพิงสารเคมีพบว่าการทำนาเคมีมีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูง แต่ได้ผลผลิตต่ำ ข้าวไม่มีคุณภาพ เพราะใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมีเยอะ ทำให้สุขภาพไม่ดี คุณภาพชีวิตแย่ลงทุกวัน แถมมีหนี้สินก้อนโต


หลังจากนั้นได้เข้าร่วมโครงการ Young Smart Farmer ทำมีโอกาสรู้จักพี่ๆที่เก่งๆหลายคน เลยใช้โอกาสนี้หันมาศึกษาวิธีการทำนาลดต้นทุนจากผู้รู้ และแหล่งความรู้ต่างๆ และนำมาปรับใช้กับแปลงนาของตัวเอง จึงพบว่าเกษตรวิถีอินทรีย์เป็นหนทางแห่งความสุขยั่งยืนอย่างแท้จริง ใช้ต้นทุนต่ำ ข้าวมีคุณภาพดี ขายได้ราคาดี แถมสุขภาพคนปลูกคนกินก็ดี ทำให้เขามีความสุขมากกับการทำเกษตรวิถีอินทรีย์


ปัญหาจากการทำเกษตร พบปัญหาสำคัญ เรื่องคุณภาพของเขาที่ทำให้ได้ราคาต่ำ คือการทำนาในแต่ละครั้งถ้าไม่ปราณีตเพียงพอจะมีข้าวปน ซึ่งเป็นข้าวสายพันธ์อื่นๆที่ขึ้นพร้อมกันตอนปลูก เมื่อเก็บเกี่ยวไม่ได้คัดแยกให้ดี การขายข้าวที่มีพันธุ์อื่นปนมาจะทำให้ได้ราคาต่ำ จึงคิดวิธีการแก้ไข อีกปัญหาหนึ่งคือตนเองเริ่มมีอาการปวดหลังดำนาไม่ไหว จาก 2 ปัญหาที่กล่าวมา ตนเองจึงคิดค้น ออกแบบ ประดิษฐ์ และทดลองใช้เครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์ข้าวที่สามารถ


การแก้ไขปัญหา
- แก้ปัญหาความยุ่งยากและขั้นตอนในการปลูกให้น้อยลง
- ประหยัดต้นทุนจากแรงงานคนที่ต้องใช้คน 3 คน/ 1 ไร่ และเวลาหลายวันถึงจะปลูกข้าวได้ 1 ไร่
- สามารถประหยัดการใช้เมล็ดพันธุ์ โดยใช้ที่ประมาณ 4.5 กิโลกรัม/1ไร่
- ใช้เวลาในการปลูกเพียง 35-40 นาที/ 1 ไร่
- สามารถปลูกข้าวได้อย่างปราณีต ข้าวต้นไหนที่ขึ้น ออกไปจากแถวที่ปลูกก็ถือว่าเป็นข้าวปนสามารถเลือกถอดทิ้งไว้ง่าย
- ระยะห่างในการปลูกที่เท่ากันและสม่ำเสมอทำให้ต้นข้าวแตกกอดี ข้าวไม่แย่งอาหารกัน
- ต้นข้าวได้แสงดีสม่ำเสมอทุกต้นได้ผลผลิตเม็กอวบใหญ่
- สามารถกำจัดศัตรูพืชที่เกาะตามต้นข้าวได้ง่ายและถูกจำกัดเองผ่านแสงแดด


ปัจจุบันคุณนิติพงษ์ ยังได้ออกแบบนวัตกรรมใหม่ในการที่จะช่วยให้ทำนาง่ายขึ้นอีกด้วย นั้นก็คือเครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์ข้าว หลักการคือการใช้วงล้อ และคาน ยึดเขากับแกนกลาง เพื่อใช้หมุนส่งเมล็กพันธุ์ข้าวลงไปใน แปลงนา ใช้ไม้สกีในการประคองเครื่องไม่ใช้สะดุด หรือตกไปตามท้องนาที่ไม่เรียบเสมอกันเครื่องหยอดข้าวจะไม่จมลงไปในโคลน แกนล้อที่อยู่ตรงกลางจะหมุนลงตามรูที่เตรียมไว้เพื่อหยอดข้าว โดยแต่ละรูจะหยดเมล็ดพันธุ์ข้าวลงไป 4-8 เมล็ด เวลาใช้งานสามารถใช้แรงงานคนไถเครื่องหรือถ้านามีขนาดใหญ่ สามารถพวงกับรถไถนา ปรับให้เหมาะกับแต่ละพื้นที่ได้




- ช่องทางในการตลาด
- เข้าร่วมกลุ่มเกษตรของอำเภอมีโรงสีสนับสนุน ขายทั้งแบบข้าวเปลือกให้โรงสีและสั่งผลิตข้าวออกมาเป็นข้าวแพคแบ่งส่วนขาย ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เข้ามาขอรับซื้อจากที่ “ธัญทิพย์ฟาร์ม”
อีกช่องทางนึงคือการขายทาง facebook ธัญทิพย์ฟาร์ม เกษตรวิถีอินทรีย์ - ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เข้ามาขอรับซื้อจากที่ “ธัญทิพย์ฟาร์ม”
- ขายทาง facebook ธัญทิพย์ฟาร์ม เกษตรวิถีอินทรีย์
- ทำนาแล้วมีความสุข ได้ทำข้าวที่มีคุณภาพ คนได้กินข้าวที่มีคุณภาพ ได้อยู่ในธรรมชาติที่ส่วนมากของบ้านเกิด ในอนาคตหวังว่าจะจัดตั้ง “วิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรอินทรีย์” มีการรวมตัวทำกิจกรรมการเกษตรอย่างครบวงจร แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกันพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ คุณต้นเชื่อว่าถ้ามีคนหนุ่มรุ่นใหม่คิดได้และทำแบบนี้เยอะๆ จะทำให้ชุมชนชาวนาเข้มแข็งขึ้นอย่างยั่งยืน


“”ผมรักในเสียงดนตรี เพราะดนตรีคือธรรมชาติ ผมหลงใหลในเกษตรวิถีอินทรีย์ เพราะเป็นวิถีเกษตรที่เคารพธรรมชาติ” เมื่อเราเคารพธรรมชาติจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตเราดีขึ้นทั้งต่อคนปลูกและคนทาน” คุณนิติพงษ์ เจาะจง ชาวนาขาร็อก พูดทิ้งท้าย


เรียบเรียงโดย : ทีมงานเกษตรสัญจร