กัญชา มากกว่าสันทนาการ การเดินทางครั้งสำคัญของสายเขียว
เกษตรสัญจร ครั้งนี้ สายเขียวพลาดไม่ได้ เพราะเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของพืชที่กำลังมาแรงในตอนนี้อย่าง “กัญชา” ที่เข้ามามีบทบาทในบ้านเรา กับแขกรับเชิญที่จะมาคุยกัน มาแชร์กัน อย่าง อาจารย์อ้อ, พี่แม็กซ์ และพี่ซูม
เอ็กซ์ เกษตรสัญจร : อาจารย์ครับ เรื่องราวของกัญชาในมุมมองของอาจารย์เป็นอย่างไรบ้างครับ
อาจารย์อ้อ : สำหรับผมก็บังเอิญมีโอกาสเข้ามาช่วย ลุงตู้ (ลุงตู้ บัณฑูร นิยมาภา ผู้บุกเบิกกัญชารักษามะเร็ง ที่ยืนข้อเรียกร้องให้รัฐบาลส่งเสริมงานวิจัยกัญชาทางการแพทย์) ก็ไปขอถวายฎีกาให้เป็นยา ก็มีสัญญากันอยู่แล้วใน พ.ร.บ. ว่าเราจะทำวิจัย 5 ปี ห้ามค้าขายกัน ซึ่งตอนนี้ก็เข้าไปประมาณ 3 ปีแล้ว คือตั้งแต่ปี 2522 เรามีกฎหมายออกมาว่า กัญชา กัญชง เป็นยาเสพติดร้ายแรงประเภท 5 ตั้งแต่นั้นมา ไม่ว่าจะเป็นหมอพื้นบ้าน แพทย์แผนไทยก็ดี ที่เคยมีตำรับยาทั้งหมดหลายร้อยตำรับ 99% จะเป็นตัวกัญชาเข้าไปมีส่วนผสมอยู่ แล้วมาถึงวันนี้เป็นอะไรที่เรามองเห็นแล้วว่ากัญชามาถึงจุดตรงที่ว่าผมว่ากำลังจะถึงจุดสุดท้ายแล้วของความนิยมของกระแส ซึ่งเราเองทั้งทีมนี้เรามองว่า กัญชานี่เราต้องขอบคุณว่าเขาเป็นตัว Inspiration ให้คนในสังคมตื่นขึ้นมาว่าอะไรซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ คนหลายคนอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเรานำเอากัญชามาเป็นตัวนำ มาเป็นตัวลีดในการสร้างรายได้ ไม่ใช่ครับ เราไม่ได้คิดอย่างนั้น เรามีครบองค์ที่เปี่ยมไปด้วยจรรยาบรรณและธรรมะ โอกาสนี้ที่เราร่วมมือกับหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา หรืออะไรก็แล้วแต่ ใบอนุญาตต่าง ๆ ก็ทยอยออกมา ตอนนี้เหลือเพียงแค่ว่าเราจะทำอย่างไร จะสร้าง Metrology จะสร้าง Topic ในการหาหัวข้อในการวิจัยเพื่อต้องการจะไปไหน ต้องตั้งคำถาม ต้อง Questionnaire เยอะ ๆ ในสังคม เพราะเหลือเวลาอีก 2 ปี ที่จะปลด ซึ่งถ้าปลดจริง ๆ ตามที่ตลาดต้องการกันเนี่ยนะครับ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือหายนะของทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องเพราะคนก็จะเลี้ยวรถไม่ทัน เนื่องจากว่าขบวนรถคันนี้มันใหญ่มาก คนทั้งประเทศไปกับเขาหมดแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วผมก็คิดว่า มาถึงตรงนี้แล้ว เป็นจุดสำคัญที่จะต้องสร้างความเข้าใจให้กับสังคมว่ากัญชาเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบ เป็นสมุนไพร เป็นพืช เป็นอาหาร เป็นยา เป็นอะไรอีกมากมาย ที่น้องซูม กับน้องแม็กซ์ คุยให้ฟังในรายละเอียด
เอ็กซ์ เกษตรสัญจร : ในฐานะที่ต้องถือได้ว่าเป็นคนรุ่นใหม่ กับมุมมอง กับกัญชา พี่แม็กซ์ มองว่าเป็นอย่างไรครับ
พี่แม็กซ์ : ส่วนตัวเนี่ยผมมองว่ากัญชามันไม่ใช่ยาเสพติด มันคือ Lifestyle ที่คนในทุกวงการเขาใช้กันในการผ่อนคลายอยู่แล้วครับ ซึ่งเมื่อก่อนในวงการสันทนาการ แน่นอนเรามีความรู้เกี่ยวกับเรื่องรักษาค่อนข้างน้อย แต่พวกเราเองสายเขียวเนี่ยเรารู้สึกตัวว่าหลังจากที่เราใช้เป็นระยะเวลายาวร่างกายเราแข็งแรงขึ้น ไม่เหมือนที่เวลาเรากินเหล้า ผมเลยมองว่ากัญชามันไม่น่าจะใช่ยาเสพติด ผมก็เลยเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง ว่ามันทำอะไรได้บ้าง ต่างชาติเขามีการวิจัยกันมาเยอะแล้ว อย่างที่อาจารย์บอกไป แล้วจากการที่ใช้ตรงนี้ไปสักพักหนึ่งหรือติดตามข่าวสารไปสักพักหนึ่งเนี่ย ผมก็เริ่มของเห็นว่ากัญชาจะกลายเป็นธุรกิจใหม่ของโลก แต่ถ้าคนทั้งโลกปลูกมันหมดเลยมันเป็นยา อย่างที่อาจารย์บอกเรามีสมุนไพรเคยเข้าคู่กับกัญชา เมื่อคนทั้งโลกปลูกกัญชาเยอะ ราคามันจะตกแน่นอน สิ่งสำคัญคือสมุนไพรอย่างอื่นที่จะเข้าคู่กับกัญชาแล้วนำมารักษาคนได้ซึ่งผมมองว่าตรงนี้มันจะเป็นการ Disrupt ยาเคมีครั้งใหญ่เลยในอนาคตที่มันจะเกิดขึ้นได้ และเราคนไทยควรจะหันมาทำความเข้าใจเรื่องกัญชาในมุมมองใหม่ เพราะว่ามันถูกปิดกั้นว่าเป็นยาเสพติดมานานประมาณ 30 -40 ปีแล้ว กลุ่มคนที่ใช้กัญชาเนี่ย เราเห็นครับว่า เราไม่ได้สร้างความเสียหายให้สังคม คนใช้กัญชาส่วนหนึ่งจะนั่งคุยกันเรื่องสร้างสรรต่าง ๆ เขาเรียกว่าจิตนาการบรรเจิดนั่นแหละครับ เพราะกัญชามันทำให้เรา พูดง่าย ๆ คือเพ้อเจ้อ เราก็มาคุยเรื่องจินตนาการต่าง ๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องดี ๆ พอคนใช้กัญชาที่เขาอยู่ทุกวงการเนี่ยครับ เขาสามารถสร้างสิ่งดี ๆ ให้วงการต่าง ๆ ของเขาได้ อันนี้ผมเลยมองว่ากัญชาเหมือนประตูที่สามารถทำให้คนจากต่างวงการเข้ามาเชื่อม เพื่อเชื่อมต่อความรู้ต่าง ๆ และกระจายไปพัฒนาในวงการของตัวเองได้ มันไม่ใช่แค่เป็นธุรกิจแค่พืชปลูกแล้วก็ขาย หรือรักษาคนแค่นั้นครับ
เอ็กซ์ เกษตรสัญจร : ในกลุ่มใต้ดินเนี่ย ในบ้านเราหรือที่อื่นก็ดี มีจำนวนมากน้อยแค่ไหน อย่างไรครับ
พี่แม็กซ์ : ในบ้านเราผมว่ามีมากถึงขนาดเกือบทุกบ้านที่ปลูกกันไว้ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันเหมือนตำรวจอยู่ในสังคมในหมู่บ้านหนึ่ง ถ้ามีการขโมยเกิดขึ้น ส่วนใหญ่คนในหมู่บ้านจะรู้ครับว่าใครขโมย แต่ตำรวจไม่รู้ กัญชานี่เหมือนกันนะครับ ถ้าเราเดินไปในหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่ง แล้วเราเปิดเผยตัวว่าเราใช้กัญชาเราจะเห็นต้นกัญชาในหมู่บ้านนั้นครับ ถ้าเราไม่เปิดเผยตัวเราก็จะไม่เห็นอะไร มันเป็นวัฒนธรรมอย่างที่ผมบอกแล้ว ซึ่งถูกผลักไปในมุมมืด แน่นอนคนใช้มันลดลงแต่ผมเชื่อว่าเกินครึ่งของประเทศไทย ยังเข้าใจและยังใช้งานมันอยู่โดยเฉพาะชาวบ้านต่าง ๆ
เอ็กซ์ เกษตรสัญจร : อาจารย์ครับ คนในบ้านเราต้องยอมรับว่ามีส่วนหนึ่งให้การยอมรับกัญชา แต่อีกส่วนหนึ่งที่เรียกได้ว่าอาจจะแอนตี้ ตรงนี้อาจารย์มองว่าอย่างไรครับ
อาจารย์อ้อ : ผมคิดว่าเป็นโอกาสดี เพราะว่าหลักสูตรของการพัฒนามนุษย์ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาในโลกสากล เขาจะ Semi Define การพัฒนาอยู่แค่ 2 อัน คือเรื่องของการสร้างความเข้าใจ หรือ Understanding อีกอันหนึ่งคือเรื่องของการทำการวิจัย หรือพัฒนาให้มันเกิดผลขึ้นมาจนถึงปลายทาง ปลายทางก็คือต้นน้ำก็คือเรื่องของการ Innovation ต่าง ๆ 360 องศา อันที่ 2 ในเรื่องของข้อตกลงจาก Innovation มา apply ข้อที่ 3 เอาข้อ 1 กับข้อ 2 มา เอามามิกซ์ แล้วก็เซ็ตขึ้นมาเป็น นิวอะไรก็แล้วแต่ ที่เป็น New Creative สำหรับให้เศรษฐกิจโดยรวมอยู่ได้ อย่างพอเพียง อันนี้คือเป็นประเด็น
เอ็กซ์ เกษตรสัญจร : ถามพี่แม็กซ์นิดนึงอย่างที่บอกว่ากัญชา ใช้ในเชิงสันทนาการก็มี ใช้ในเชิงเป็นยาก็มี อยากให้แยกระหว่างสันทนาการกับยา มันแตกต่างกันไหมครับ
พี่แม็กซ์ : เรามองอย่างนี้ก่อนดีกว่าครับ ถ้ากัญชามันเป็นยารักษา ทำไมมันจึงใช้ป้องกันไม่ได้ แล้วถ้าเกิดว่าใช้ป้องกันได้ การใช้สันทนาการมันคือการใช้ป้องกันโรค ดังนั้นเราจะไปแยกอย่างไรว่าการใช้กัญชาใช้แบบไหนคือสันทนาการ ใช้แบบไหนคือรักษา ในเมื่อสันทนาการก็กินเหมือนกัน รักษาก็กินเหมือนกัน เราจะแยกอย่างไรครับว่าใช้อย่างไรในการรักษาหรือสันทนาการ เรามองว่าถ้าเขาบอกว่าปริมาณโดสที่คนใช้สันทนาการใช้เยอะหรือใช้ในปริมาณต่อเนื่องที่นานกว่า โดยส่วนตัวผมศึกษามาสำหรับคนป่วยเนี่ยครับ ถ้าเกิดเป็นมะเร็งระยะ 1, 2, 3 เขาควรใช้ THC 1,000 มิลลิกรัม ต่อวัน ซึ่งวิธีการใช้ ไม่ใช่ใส่ 1,000 มิลลิกรัม ที่เดียวครับ เราต้องค่อย ๆ เพิ่มปริมาณไปที่ละนิดกว่าจะถึง 1,000 มิลลิกรัม แล้วปริมาณ 1,000 มิลลิกรัม ต่อวัน คนใช้สันทนาการเนี่ยไม่มีใครใช้ถึง เพราะมันค่อนข้างเยอะเกินไป การสูบกัญชา 1 หลุม หรือ 1 บ้อง เราจะได้กัญชาแค่ 7-10 มิลลิกรัม ดังนั้นถ้าเกิดเราจะสูบ 1,000 มิลลิกรัม เราต้องสูบหลายร้อยบ้องครับ ซึ่งลองคิดดูว่า ถ้าเราเอาวิธีนี้มาใช้รักษาคนเป็นมะเร็งเนี่ย แน่นอนเขาหาย แต่คอเขาจะพังครับ เราก็เลยต้องมีการที่เขาเรียกว่าพัฒนา Product เพื่อให้ตัวยาเข้มข้นขึ้น เหมาะกับการรักษาในด้านต่าง ๆ ซึ่งถ้าเกิดศึกษากัน ในวงการกัญชาใต้ดินของต่างประเทศ หรือของไทยเองก็ตาม หลาย ๆ คนพัฒนา Product ต่าง ๆ ทั้งขนม ทั้งวิธีการสอดทวาร หรือว่าหยดใต้ลิ้น ดังนั้นผมเลยมองว่าวิธีการต่าง ๆ เราไม่สามารถ Define ได้เลยว่าวิธีไหนคือสันทนการ วิธีไหนคือรักษา การใช้รักษาสุขภาพมันก็ต้องใช้ไปเรื่อย ๆ อยู่แล้ว เหมือนเรากินวิตามิน เราจะบอกอย่างไรละครับว่า นานขนาดไหนถึงจะเป็นอันตราย ซึ่งส่วนตัวผมเองก็ใช้กัญชามา 15 ปีแล้ว สมองผมว่าก็ยังโอเคอยู่นะ
เอ็กซ์ เกษตรสัญจร : แต่ที่เจ๋งไปกว่านั้น ทีมพี่ ๆ เขามีโปรเจคที่สำคัญมาก ที่กำลังจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องของการพัฒนายาสมุนไพร ตรงนี้อยากให้พี่ซูมตอบดีกว่า
พี่ซูม : จริง ๆ แล้วกัญชาเองมันเชิงเดี่ยว มันเดี่ยว มันเหงา มันต้องมีคู่ ดังนั้นเอง แต่มันเป็นสมุนไพรนะครับ แต่เราต้องมาเข้าใจกันก่อนว่า สมุน กับ ไพร เป็นอย่างไร ดังนั้นสิ่งที่มันเกิดขึ้นก็คือว่า การต่อยอดกับมูลค่าเดิม ๆ ทำอะไรได้บ้าง
พี่แม็กซ์ : กัญชามันเหมือนกับแค่จุดเริ่มต้นของธุรกิจที่กำลังจะเข้ามาใหม่ แล้วสามารถกระจายต่อยอดไปได้ในหลายทางมาก แล้วมันไม่ใช่มีแค่กัญชา มันมีกัญชงด้วยครับ ซึ่งกัญชงก็มีเรื่องเส้นใยที่ทำเป็นเสื้อผ้า ทำเป็นวัสดุสร้างบ้านสร้างอะไรอย่างนี้ได้ ซึ่งกัญชาเป็นยา สามารถเอาไปพัฒนาเป็น Product รักษาผิวพรรณ หรือว่า Product รักษาสุขภาพ ได้หมด สามารถแตกยอดได้ค่อยข้างเยอะ อย่างเช่น มันมีธุรกิจที่เกิดขึ้นควบคู่กันไป คือธุรกิจที่ขายอุปกรณ์การปลูกพืช เพราะอุปกรณ์พวกนี้ไม่จำเป็นต้องเอาไปปลูกกัญชา เอาไปปลูกพืชอย่างอื่นได้ และกัญชาเป็นจุดเริ่มต้นของเทคนิคการปลูกพืช Indoor หรือการปลูกพืชในร่ม เพราะว่าต่างชาติเขาแอบปลูกมาก่อน ผมเลยมองว่ามันเป็นการเชื่อมต่อหรือเปิดประตูไปสู่การทำธุรกิจอื่นมากกว่า อย่างเช่น 2-3 ปีที่ผ่านมาคนที่เป็นเศรษฐีไม่ใช่คนทำกัญชานะครับ คนที่เป็นเศรษฐีเนี่ยเป็นคนขายไฟ เป็นคนที่ Consult ที่วางโปรแกรมเกี่ยวกับการปลูกกัญชา เป็นคนที่มีความรู้เกี่ยวกับกัญชา แล้วเขาสามารถเอาความรู้ตรงนั้นไปต่อยอดอย่างที่น้องซูมบอกได้ครับ
เอ็กซ์ เกษตรสัญจร : ทีนี้อาจารย์ครับ ขออนุญาตมองในมุมเกษตรบ้าง เชื่อว่าหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าตกลงฉันจะปลูกได้ไหม หรือว่าจะไปในแนวทางไหน เกษตรกรอย่างเรานี้จะสามารถทำได้ไหมครับอาจารย์
อาจารย์อ้อ : จริง ๆ ตัวเนื้อหาของตัวบทกฎหมายเดิมมันก็นิ่งอยู่นะ แต่พอมีการปรับให้ดอกเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เมื่อเป็นสิ่งผิดกฎหมายอย่างอื่นเนี่ย จริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องอะไรยากหรอกครับ เป็นเหมือนแคลิฟอร์เนียแล้ว แต่ทีนี้อยู่ที่ว่ากัญชาที่จะเอามาใช้เนี่ยเราเข้าใจกันขนาดไหน อันนี้ต่างหากว่าเกรดของกัญชาอย่างที่แม็กซ์กับซูมได้กล่าวถึงตอนข้างต้น อันนี้ต่างหากที่บางอย่างเราต้องขอบคุณว่าวิกฤติบางอย่างมันทำให้ตื่นตัวกับการที่มาเรียนรู้เกษตรกรรม การปลูกพืช ถึงแม้เขาจะฝึกมาจากกัญชาจริง แต่ผมเคยถามน้องแม็กซ์ว่าคนที่เคยเป็นเด็กใต้ดินแล้วปลูกกัญชามา ล้วนแล้วแต่ส่วนใหญ่ 90% จะรักการปลูกผักอย่างอื่น
เอ็กซ์ เกษตรสัญจร : เห็นว่ามีการต่อยอดเป็นบอนไซ พืชสมุนไพรต่าง ๆ อย่างนี้ด้วยหรือครับอาจารย์ครับ
อาจารย์อ้อ : คือแค่เอากัญชามาเป็นตัว Inspire คนให้มีการตื่นตัว แต่จริง ๆ แล้ว พอเขาเริ่มแล้วเนี่ย พอเราป้อนข้อมูลที่มันดีกว่า ไม่ผิดกฎหมาย ผมเชื่อว่าราคาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีนะ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นอะไรที่เป็นทางออก
เอ็กซ์ เกษตรสัญจร : พี่ซูมครับ ในฐานะที่พี่ซูมเป็นคนรุ่นใหม่ พี่ซูมองเห็นโอกาสในเรื่องการพัฒนาหรือการส่งเสริมประเทศอย่างไรครับ
พี่ซูม : จริง ๆ แล้วตอนนี้ กัญชาเป็นจุดเริ่มต้น ผมเชื่อว่า ทุก ๆ คน ถ้าหากว่าเข้าถึงได้ มีองค์ความรู้ แต่องค์ความรู้นั้นเองต้องมองว่า คนคนนั้น หรือเด็กคนนั้นเอง หรือบุคคลคนนั้นเอง มีความถนัดหรือมีความชอบ ดังนั้นจะมองเป็นสังคมที่กว้าง หรือว่าใหญ่มากพอ ผมคิดว่ามันไกลเกินไป แต่ถ้าหากว่าเราซูมให้มันเล็กลงเล็กลงจนกระทั่งเห็นตัวเราเอง แล้วเราก็มาดูมาปรับปรุงตัวเราเองดีกว่า เพราะฉะนั้นผมก็มองว่า แค่นี้ จุดเริ่มต้นกัญชาที่หาตัวเองให้เราเข้าถึงในเรื่องของหลักธรรมก่อน เมื่อเราเข้าใจหลักธรรมแล้ว เราก็ฝึกตนไปเรื่อย ๆ ให้มากขึ้นเรื่อย ๆ คิดดี พูดดี และทำดี
เอ็กซ์ เกษตรสัญจร : อาจารย์ละครับ
อาจารย์อ้อ : ในฐานะที่ผมเป็นครูสอนทางด้านวิศวเศรษฐศาสตร์ ดีใจมากครับที่ว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ มันเกิด Disrupt จากหลาย ๆ เหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็น Disrupt ในการปกครอง การตกลงกันในเรื่องของสังคมในแต่ละจุด แต่ละ Category ทำให้คนตื่นตัวที่อยากจะมาศึกษาหาความรู้อะไรใหม่ ๆ เนื่องจากว่าสังคมเรานี้เราเรียนรู้เจริญเติบโตมา หล่อหลอมบนกรอบ มันอาจจะเวิร์คสำหรับเมื่อเวลานั้น แต่ถ้าเวลานี้แล้วเนี่ยเราก็ต้องมาสำรวจดูก่อนว่ามันเวิร์ค อะไรไม่เวิร์ค อะไรที่ missing ไป อะไรที่มันเกินไปก็ต้องตัดออก อย่างนี้เป็นต้น เราต้องเปิดใจ แล้วก็คิดในเรื่องที่เป็น positively สิ่งจำเป็นไม่ใช่เรื่องการ Innovation ทางด้าน Technology แต่จะต้องมี Innovation ในเรื่องการจัดการชีวิต อุปนิสัย ต้องสร้างนิสัยใหม่ ทำ Mindset ใหม่
เอ็กซ์ เกษตรสัญจร : สุดท้ายครับ อยากจะให้พี่แม็กซ์เป็นตัวแทนฝากในเรื่องเกี่ยวกับกัญชายารักษาโรคครับ
พี่แม็กซ์ : ทางกลุ่มเรามองว่ากัญชามันก็เป็นหัวเชื้อหลายตำรับ หลายร้อยตำรับยาของไทยโบราณ ซึ่งพอหัวเชื้อเนี่ยมันถูกถอดออกไป ทำให้ยาต่าง ๆ ใช้งานไม่ได้ เราควรจะมีความเข้าใจถึงตัวกัญชาหรือตัวหัวเชื้อตัวนี้ก่อน ว่ามันมีประโยชน์หรือมีโทษอย่างไรบ้าง แล้วสามารถต่อยอดไปทำอะไรได้บ้างอีกในฐานะสมุนไพร เพราะการใช้สมุนไพรกัญชารวมกับสมุนไพรตัวอื่นที่จะสามารถทำให้เกิดธุรกิจครบวงจรในเรื่องการรักษา แล้วกระจายรายได้ให้สู่เกษตรกรที่เขามีปัญหาเรื่องการปลูกข้าวราคาต่ำ เรื่องอะไรต่าง ๆ นะครับ ถ้าเราสามารถเข้าใจว่ากัญชามันเป็นแค่จุดเริ่มต้นที่จะทำให้สมุนไพรต่าง ๆ เพิ่มมูลค่าขึ้นมาได้ แล้วเราไปช่วยกันอนุรักษ์สมุนไพรดั้งเดิมของไทย เอาองค์ความรู้ เอาสมุนไพรเก่า ๆ กลับมาใช้งานในการรักษาร่วมกับการตรวจสอบของแพทย์ปัจจุบันให้มีการพัฒนาเกิดองค์ความรู้ใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อเตรียมรับมือกับโลกในอนาคต ดีกว่าที่จะมามองว่ากัญชามันขายได้เท่าไร ผมว่าเราควรจะมองว่ามันจะต่อยอดอะไรได้บ้างมากกว่าครับ
เอ็กซ์ เกษตรสัญจร : เกษตรสัญจร ขอขอบคุณทั้ง 3 ท่านที่มาให้ความรู้เรื่องราวเกี่ยวกับกัญชา ขอบคุณครับ
https://business.facebook.com/kasetsanjorn/videos/139333018149478/
#กัญชา #สายเขียว #เกษตรสัญจร #สันทนาการ
—————————
เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร
Facebook: facebook.com/kasetsanjorn
YouTube: youtube.com/c/Kasetsanjorn
Twitter: twitter.com/kasetsanjorn/
Website: kasetsanjorn.com