ที่มาของการปลูกเผือกหอม


พี่สุทัศน์ เฉลิมพันธ์ เกษตรกรผู้มีประสบการณ์ปลูกเผือกหอมกว่า 28 ปี ที่อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี เลือกปลูก เผือกน้ำ แทนเผือกบก ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ตลาดต้องการสูง แต่เกษตรกรยังผลิตได้ไม่เพียงพอ พี่สุทัศน์จึงใช้วิธีหมุนเวียนการปลูกเผือกหอมสลับกับข้าว เพื่อให้ดินฟื้นตัวและได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ปัจจุบันเผือกหอมจากที่นี่ไม่เพียงแค่ขายดีในประเทศ แต่ยังมีความต้องการสูงจากตลาดต่างประเทศด้วย
ความยากในการปลูกเผือกหอม


การปลูกเผือกหอมแบบเผือกน้ำ จะสะดวกกว่าเผือกบก เพราะไม่ต้องคอยรดน้ำบ่อย ๆ เพียงแค่สูบน้ำใส่แปลงก็เพียงพอ แต่ก็มีความท้าทายหลายด้าน เช่น
- ต้นทุนสูง ทั้งค่าใช้จ่ายด้านปุ๋ย ยา และค่าแรงงานจำนวนมาก หากอยากลดต้นทุนเกษตรกรต้องลงมือทำเอง
- การดูแลดิน หากดินเสื่อมคุณภาพ เผือกจะเสียหายจนทำให้ขาดทุน จำเป็นต้องใช้สารปรับปรุงดิน ซึ่งเพิ่มค่าใช้จ่าย
- การพักแปลง ไม่สามารถปลูกเผือกหอมติดต่อกันได้ ต้องเว้นช่วงเพื่อฟื้นฟูสภาพดิน
แม้การปลูกเผือกหอมจะมีความยากและใช้ต้นทุนสูง แต่หากจัดการได้ดี เผือกหอมก็เป็นพืชเศรษฐกิจที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า
ขั้นตอนการปลูกเผือกหอม


- เตรียมดินและยกร่อง
- ไถดินครั้งแรก จากนั้นเว้นไว้ 1 สัปดาห์
- ไถซ้ำอีกครั้งเพื่อให้ดินร่วนละเอียด
- ยกร่องและสูบน้ำเข้าพื้นที่ รอประมาณ 1 สัปดาห์ จึงพร้อมสำหรับการปลูก
- เตรียมพันธุ์เผือกหอม
- ใช้แปลงขยายพันธุ์ โดยเลือกต้นเผือกที่สมบูรณ์ ถอนขึ้นมา เด็ดใบออกก่อนนำไปปลูก หรือซื้อพันธุ์เผือกหอมจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น จังหวัดเชียงใหม่
- ลูกเผือกที่เหมาะสมสำหรับการขยายพันธุ์ควรมีอายุประมาณ 50 วัน
- การขยายพันธุ์เองช่วยประหยัดต้นทุนได้มากกว่าการซื้อพันธุ์ใหม่
- การปลูกในแปลง
- นำลูกเผือกลงปลูกในร่องที่เตรียมไว้
- เว้นระยะปลูกประมาณ 1 คืบ เพื่อให้หัวเผือกขยายตัวได้เต็มที่
- การดูแลรักษา
- ใส่ปุ๋ยครั้งแรกหลังจากปลูก โดยโรยปุ๋ยด้านข้างต้นและกลบดิน
- หลังจากนั้นใส่ปุ๋ยซ้ำทุก ๆ 15-20 วัน
- หมั่นกำจัดวัชพืช เพราะวัชพืชจะแย่งสารอาหารและทำให้หัวเผือกเจริญไม่เต็มที่
👉 เผือกหอมสามารถปลูกได้ ตลอดทั้งปี หากมีการจัดการแปลงและการดูแลอย่างเหมาะสม
การเก็บเกี่ยวและการดูแลโรคเผือกหอม


- ระยะเวลาเก็บเกี่ยว
เผือกหอมใช้เวลาปลูกประมาณ 6-7 เดือน จึงสามารถขุดเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ หลังการเก็บเกี่ยว เกษตรกรจะปล่อยที่ดินพักฟื้นราว 6 เดือน ก่อนกลับมาปลูกใหม่ เพื่อให้ดินฟื้นตัว - การเก็บผลผลิต
เมื่อถึงช่วงเก็บเกี่ยว พ่อค้าแม่ค้าจะเข้ามาขุดเลือกเผือกเอง โดยราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดของหัว ซึ่งมีหลายไซซ์ เช่น- จัมโบ้
- ใหญ่
- กลาง
- เล็ก
- โรคและการดูแล
ปัญหาหลักในการปลูกเผือกหอมคือโรคที่มักเกิดในช่วงฤดูฝน เช่น- โรคตากบ
- โรคตาเสือ
- หากเกิดโรค เผือกจะเจริญเติบโตช้าและให้ผลผลิตต่ำ เกษตรกรจึงต้องฉีดยาคุมหนอนและโรคเป็นประจำทุก ๆ 7 วัน ควบคู่กับการจัดการแปลงและการยกร่องที่ดี
ชีวิตของเกษตรกรเผือกหอม


การได้เป็นเกษตรกรคือความสุขที่ได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ สูดอากาศดี ๆ ทุกวัน แม้จะมีบ้างที่ต้องล้มลุกคลุกคลาน แต่ก็ยังยืนหยัดสู้ต่อไป เพราะนี่คืออาชีพที่มีคุณค่าและสามารถส่งต่อให้ลูกหลานได้ อาชีพเกษตรกรอาจไม่ง่าย บางครั้งก็ต้องประหยัด อดทน และฝ่าฟันอุปสรรค แต่หากไม่ย่อท้อก็จะสามารถยืนอยู่ได้อย่างภาคภูมิ
สำหรับใครที่อยากลองชิมเผือกหอมแท้ ๆ สามารถไปเยี่ยมชมได้ที่ อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี หรือหาซื้อได้ที่ ตลาดไท และ ตลาดสี่มุมเมือง เผือกหอมสามารถนำไปทำแป้ง ทำขนม และสร้างคุณค่าเพิ่มได้หลากหลายรูปแบบ
………………………………………
เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกษตรเพิ่มเติมได้ที่ :
𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸: เกษตรสัญจร
𝗬𝗼𝘂𝗧𝘂𝗯𝗲: youtube.com/c/Kasetsanjorn
𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸: tiktok.com/@kasetsanjorn
𝗦𝗵𝗼𝗽𝗲𝗲: shopee.co.th/kasetsanjorn
𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗢𝗳𝗳𝗶𝗰𝗶𝗮𝗹: @kasetsanjorn
𝗕𝗹𝗼𝗰𝗸𝗱𝗶𝘁: blockdit.com/kasetsanjorn/
𝗧𝘄𝗶𝘁𝘁𝗲𝗿: twitter.com/kasetsanjorn/
𝗪𝗲𝗯𝘀𝗶𝘁𝗲: kasetsanjorn.com







