จุดเริ่มต้นของบ้านสวนย่าน้อย
จากชีวิตสายออฟฟิศ สู่เจ้าของสวนเบอร์รี่ในฝัน คุณกุ๊กกิ๊ก นพเก้า จันโย เจ้าของ “บ้านสวนย่าน้อย” จังหวัดเชียงราย เริ่มต้นเส้นทางเกษตรจากศูนย์ ด้วยแรงบันดาลใจและความตั้งใจจริง ปัจจุบันปลูกแบล็คเบอร์รี่และราสเบอร์รี่หลากหลายสายพันธุ์ในระบบ IoT บนพื้นที่เพียง 1 ไร่ แต่สามารถสร้างรายได้และความยั่งยืนให้กับชีวิตได้อย่างน่าชื่นชม
เดิมทีคุณกุ๊กกิ๊กเรียนจบด้านสัตวศาสตร์ ก่อนต่อยอดความรู้สู่สายบริหารธุรกิจ และทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินอยู่ราว 4 ปี จนเมื่อคุณย่าจากไป ได้ทิ้งมรดกเป็นที่ดินผืนหนึ่งไว้ให้ จึงตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อนำที่ดินนั้นมาพัฒนา และตั้งชื่อว่า “บ้านสวนย่าน้อย” ช่วงแรกเริ่มจากการทำนาแบบปลอดสารพิษ เป็นชาวนาวันหยุดที่ต้องการผลิตอาหารปลอดภัยให้กับครอบครัว กระทั่งได้เข้าร่วมกลุ่มคนรักการปลูกพืชบน Facebook และเริ่มสนใจ “พืชตระกูลเบอร์รี่” ซึ่งมีราคาจำหน่ายค่อนข้างสูงในตลาดไทย
จากความสนใจจึงกลายเป็นการลงมือจริง เริ่มศึกษาสายพันธุ์แบล็คเบอร์รี่และราสเบอร์รี่จากต่างประเทศ มาทดลองปลูกในสภาพอากาศไทย และเมื่อประสบความสำเร็จในการให้ผลผลิต ก็ขยับสู่การปลูกในโรงเรือนขนาดใหญ่พร้อมระบบควบคุมอัจฉริยะ (IoT) เพื่อเพิ่มคุณภาพและความสม่ำเสมอของผลผลิต
นอกจากจำหน่ายผลสดแล้ว คุณกุ๊กกิ๊กยังต่อยอดด้วยการเพาะต้นกล้าเบอร์รี่จำหน่ายออนไลน์ เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนและขยายตลาดให้คนทั่วไปได้ปลูกเบอร์รี่เองได้ที่บ้าน ความพยายามและการเรียนรู้ต่อเนื่อง ทำให้ “บ้านสวนย่าน้อย” เติบโตจากสวนเล็ก ๆ สู่ฟาร์มต้นแบบแห่งการปลูกเบอร์รี่ในภาคเหนือ
ปัญหาและอุปสรรคในการทำสวนเบอร์รี่
ในช่วงเริ่มต้นของการทำสวน คุณกุ๊กกิ๊กต้องเผชิญกับปัญหาสำคัญจากการปลูกราสเบอร์รี่ ซึ่งเป็นพืชที่ค่อนข้างไวต่อโรค โดยเฉพาะ “โรคเหี่ยวเขียว” ที่เกิดจากเชื้อราและมักระบาดหนักในช่วงฤดูฝน แม้จะมีการสร้างโรงเรือนเพื่อควบคุมสภาพแวดล้อมแล้ว แต่ในระยะแรกยังคงใช้แปลงดินเป็นพื้นที่ปลูก ส่งผลให้เมื่อฝนตกหนักความชื้นในดินสูงจนเชื้อราระบาดอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้นราสเบอร์รี่ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศตายเกือบทั้งหมด
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น คุณกุ๊กกิ๊กจึงได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และเริ่มปรับระบบการปลูกใหม่ทั้งหมด โดยเปลี่ยนมาใช้ แปลงยกสูงก่อด้วยอิฐและไม่ใช้ดินปลูกอีกต่อไป แต่หันมาใช้พีทมอสผสมกาบมะพร้าวสับ เป็นวัสดุปลูกแทน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของเชื้อราและโรคในดิน รวมถึงควบคุมความชื้นได้ดียิ่งขึ้น การปรับเปลี่ยนวิธีปลูกในครั้งนั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ทำให้สวนสามารถฟื้นตัวได้ และกลายเป็นต้นแบบการปลูกเบอร์รี่ในระบบโรงเรือนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในปัจจุบัน
เคล็ดลับการเตรียมตัวปลูกแบล็คเบอร์รี่และราสเบอร์รี่
หลังจากได้ต้นพันธุ์ที่แข็งแรงแล้ว ขั้นตอนสำคัญในการปลูกแบล็คเบอร์รี่และราสเบอร์รี่คือการเตรียมวัสดุปลูกให้ร่วนซุยและมีการระบายน้ำดี เนื่องจากพืชตระกูลเบอร์รี่ไม่ชอบน้ำขัง ซึ่งอาจทำให้รากเน่าและเกิดเชื้อราได้ง่าย สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือการใช้ “แกลบดำ” เป็นส่วนผสมของวัสดุปลูก เพราะมีความเป็นด่างสูง ไม่เหมาะกับพืชชนิดนี้ โดยแนะนำให้ใช้ พีทมอสผสมกับกาบมะพร้าวสับ จะช่วยให้อากาศถ่ายเทดี ควบคุมความชื้นได้เหมาะสม และลดความเสี่ยงของโรคในดิน หากพื้นที่ปลูกมีระบบระบายน้ำดี สามารถปลูกกลางแจ้งได้เช่นกัน โดยหลังปลูกประมาณ 14 วัน ควรเริ่มให้ปุ๋ยบำรุงต้น สามารถเลือกใช้ได้ทั้ง ปุ๋ยอินทรีย์ หรือ ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ให้ทุก ๆ 15 วัน เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและเตรียมพร้อมสำหรับการออกผล
ราสเบอร์รี่ถือเป็นพืชที่ปลูกง่ายและให้ผลผลิตเร็ว เพียงประมาณ 6 เดือนหลังปลูก ก็สามารถเริ่มเก็บผลได้ และเป็นพืชที่ปลูกครั้งเดียวสามารถให้ผลต่อเนื่องยาวนาน โดยมีลักษณะการเจริญเติบโตคล้ายต้นกล้วยหรือต้นไผ่ คือเมื่อกิ่งที่ให้ผลผลิตเสร็จแล้วสามารถตัดทิ้ง และจะมีหน่อใหม่งอกขึ้นมาแทน ต้นราสเบอร์รี่เพียงต้นเดียวสามารถแตกหน่อได้มากกว่า 20-30 หน่อ และสามารถปรับตัวได้ดีในเกือบทุกภูมิภาคของประเทศไทย ทำให้เป็นอีกหนึ่งพืชทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นทำสวนผลไม้ขนาดเล็กหรือสร้างรายได้จากพื้นที่จำกัด
การสร้างรายได้จากสวนแบล็คเบอร์รี่และราสเบอร์รี่
ตลอดระยะเวลากว่า 13 ปีของการทำสวนเบอร์รี่ คุณกุ๊กกิ๊กสามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้อย่างมั่นคง ด้วยแนวคิด “เกษตรมูลค่าสูง” ใช้พื้นที่เพียงเล็กน้อยแต่สร้างมูลค่าผลผลิตได้มาก ซึ่งรายได้หลักของ “บ้านสวนย่าน้อย” มาจากหลายช่องทาง ทั้ง การจำหน่าย ต้นพันธุ์แบล็คเบอร์รี่และราสเบอร์รี่ การขาย ผลผลิตสดคุณภาพ การเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการปลูกเบอร์รี่ การให้บริการ รับสร้างโรงเรือนและติดตั้งระบบ IoT รวมถึงการเป็น ที่ปรึกษาด้านการเกษตรเฉพาะทาง ให้กับผู้ที่สนใจเริ่มต้นเส้นทางนี้
ความสำเร็จของคุณกุ๊กกิ๊กไม่ได้มาจากการปลูกพืชเท่านั้น แต่ยังเกิดจากการต่อยอดองค์ความรู้ แบ่งปันประสบการณ์ให้กับเกษตรกรรุ่นใหม่ และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ที่อยากทำเกษตรเชิงมูลค่าเพิ่ม การปลูกแบล็คเบอร์รี่และราสเบอร์รี่ในประเทศไทยยังมีศักยภาพเติบโตอีกมาก เนื่องจากปัจจุบันยังต้องพึ่งการนำเข้าจากต่างประเทศ พืชทั้งสองชนิดนี้ยังสามารถปลูกได้ในสภาพอากาศเมืองไทย โดยไม่จำเป็นต้องมีอุณหภูมิต่ำ เพียงปลูกครั้งเดียวแต่สามารถให้ผลผลิตต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 10-20 ปี หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม จึงไม่เพียงเป็นการทำเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพ แต่ยังเป็นการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและองค์ความรู้ให้กับสังคมเกษตรไทยในระยะยาว
หากสนใจเทคนิคและต้นพันธุ์แบล็คเบอร์รี่และราสเบอร์รี่สามารถติดต่อได้ที่
Facebook : บ้านสวนย่าน้อย เชียงราย Baansuanyaanoi Chaing Rai
โทร : 082 763 6151
https://youtu.be/g-_LyCjDL5g?si=g1UG56Do59EF074F
………………………………………
เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกษตรเพิ่มเติมได้ที่ :
𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸: เกษตรสัญจร
𝗬𝗼𝘂𝗧𝘂𝗯𝗲: youtube.com/c/Kasetsanjorn
𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸: tiktok.com/@kasetsanjorn
𝗦𝗵𝗼𝗽𝗲𝗲: shopee.co.th/kasetsanjorn
𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗢𝗳𝗳𝗶𝗰𝗶𝗮𝗹: @kasetsanjorn
𝗕𝗹𝗼𝗰𝗸𝗱𝗶𝘁: blockdit.com/kasetsanjorn/
𝗧𝘄𝗶𝘁𝘁𝗲𝗿: twitter.com/kasetsanjorn/
𝗪𝗲𝗯𝘀𝗶𝘁𝗲: kasetsanjorn.com