จุดเริ่มต้นในการทำฟาร์มเห็ด


นัท ณัฐพงษ์ เจษศักดิ์รุ่งโรจน์ เจ้าของ “ฟาร์มเห็ดสานฝัน” อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เริ่มต้นเส้นทางเกษตรกรด้วยความตั้งใจว่า “ไม่อยากเป็นลูกจ้างตลอดชีวิต” จุดเปลี่ยนเริ่มต้นจากคำแนะนำของเพื่อนที่เคยซื้อก้อนเชื้อเห็ดมาลองเพาะ และสังเกตเห็นว่าบ้านของนัทมีพื้นที่ว่าง จึงชวนให้ลองทำฟาร์มเห็ดดู นัทสนใจและเริ่มค้นคว้าข้อมูล รวมถึงลงเรียนการเพาะเชื้อเห็ดจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ขณะนั้นยังคงทำงานประจำควบคู่ไปด้วย โดยใช้เวลาในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ทดลองเพาะเห็ดนางฟ้าภูญาน ครั้งละ 300-400 ก้อน เพื่อเรียนรู้และเก็บประสบการณ์ หลังจากใช้เวลากว่า 2 ปีในการเรียนรู้ ฝึกฝน และสังเกตผลผลิต จนมั่นใจว่าการเพาะเห็ดสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงได้จริง พี่นัทจึงตัดสินใจ ลาออกจากงานประจำ เพื่อเดินหน้าทำฟาร์มเห็ดเต็มตัวอย่างจริงจัง ซึ่งปัจจุบันมีโรงเรือนเห็ด 3 โรงเรือน และทำก้อนเชื้อเห็ดเอง
จากถัง 200 ลิตร สู่เส้นทางเกษตรกรฟาร์มเห็ดเต็มตัว


นัทเริ่มต้นทำก้อนเชื้อเห็ดแบบง่าย ๆ ด้วยอุปกรณ์พื้นฐานโดยใช้ถังน้ำขนาด 200 ลิตร เป็นหม้อนึ่งก้อนเชื้อเห็ด ซึ่งในการนึ่งแต่ละครั้งจะสามารถนึ่งได้ประมาณ 170 ก้อนต่อรอบ การลงทุนในช่วงแรกอยู่ที่ หลักหมื่นบาท โดยใช้อ่างปูนเป็นภาชนะผสมวัตถุดิบสำหรับทำก้อนเชื้อ ปริมาณต่อครั้งประมาณ 120 กิโลกรัม วิธีนี้ช่วยประหยัดต้นทุนและเหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นอย่างมาก เมื่อเริ่มมีประสบการณ์มากขึ้น และเห็นว่าเส้นทางนี้สามารถต่อยอดได้ พี่นัทจึงตัดสินใจลงทุนเพิ่มด้วยการซื้อ เครื่องผสมก้อนเชื้อเห็ด เพื่อช่วยทุ่นแรงและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต เตรียมความพร้อมสู่การเพาะเห็ดอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
ขี้เลื่อย หัวใจของก้อนเชื้อเห็ดคุณภาพ


หัวใจสำคัญของการทำก้อนเชื้อเห็ดคือ “ขี้เลื่อย” ซึ่งฟาร์มเลือกใช้ขี้เลื่อยจากไม้ยางพาราเป็นหลัก เนื่องจากมีคุณสมบัติที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อเห็ดและสามารถดูดซับความชื้นได้ดี โดยขี้เลื่อยจะถูกสั่งตรงมาจากภาคใต้ ครั้งละประมาณ 18 ตัน แล้วนำมากองพักไว้เพื่อรอเข้าสู่กระบวนการผสม
วัตถุดิบทั้งหมดที่จะนำมาทำก้อนเชื้อ ประกอบด้วย ขี้เลื่อย รำ ปูนขาว แป้งข้าวเหนียว และภูไมท์ ซึ่งทุกอย่างต้องชั่งและผสมในอัตราส่วนที่เหมาะสม จากนั้นจึงนำไปอัดเป็นก้อน บรรจุลงถุง แล้วเข้าสู่กระบวนการนึ่งฆ่าเชื้อ ก่อนจะทำการหยอดเชื้อเห็ดลงไปเพื่อรอให้เชื้อเดินเต็มถุง จนพร้อมสำหรับการนำไปเปิดดอก กระบวนการเหล่านี้ต้องใช้ทั้งความแม่นยำ ความสะอาด และความเข้าใจธรรมชาติของเห็ด เพื่อให้ได้ก้อนเชื้อคุณภาพที่ให้ผลผลิตดีต่อเนื่อง
เส้นทางการเพาะเห็ด ไม่ง่าย แต่ก็ไม่เกินความพยายาม


หลังจากทำก้อนเชื้อเห็ดเสร็จแล้ว จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ก่อนที่จะสามารถเปิดดอกและเก็บผลผลิตได้ ในช่วง 1-2 ปีแรก การทำก้อนเชื้อเห็ดยังเป็นไปด้วยดี แต่เมื่อเริ่มขยายการผลิตมากขึ้น ปัญหาก็เริ่มตามมา ทั้ง ราเขียว หนอน แมลง และเชื้อราชนิดต่าง ๆ เช่น ราเมือก ราดำ ทำให้พี่นัทเคยรู้สึกท้อ แต่ไม่ยอมแพ้
ราเขียว มักเกิดขึ้นในช่วงเปิดดอก หนอน จะพบช่วงที่หยอดเชื้อหรือช่วงเดินก้อน ซึ่งจะเกิดสภาพอากาศในโรงเรือนที่ร้อนเกินไปและอากาศไม่ถ่ายเท พอเรารดรดน้ำเข้าไปเติมความชื้นจะส่งผลให้ก้อนเชื้อเห็ดมีความร้อนชื้นละเกิดโรคราเขียว ซึ่งก้อนเห็ดที่มีเชื้อราเขียวต้องนำไปทิ้งและจะไม่สามารถออกดอกได้อีก ส่วนวิธีป้องกันสามารำได้โดยการทำให้โรงเรือนมีอากาศถ่ายเทมากที่สุด อย่าปล่อยให้อากาศอบอ้าวและร้อนชื้น ซึ่งราเขียวมักจะเกิดในช่วงหน้าร้อน
ปัญหาเหล่านี้ทำให้ต้องหันกลับมาเรียนรู้เพิ่มเติม และแก้ปัญหาไปทีละขั้นตอน โดยพี่นัทเน้นว่า “การจะแก้ปัญหาให้ได้ตรงจุด ต้องรู้ให้ลึก รู้ให้จริง”
จากประสบการณ์และความพยายาม จึงสามารถจัดการปัญหาเหล่านี้ได้ และกลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้ฟาร์มเห็ดเติบโตอย่างมั่นคงจนถึงทุกวันนี้
เคล็ดลับจัดการก้อนเห็ดในโรงเรือน เพื่อผลผลิตไม่สะดุด


หลังจากสามารถเก็บดอกเห็ดชุดแรกได้ นัทเริ่มต้นด้วยการนำเห็ดไปจำหน่ายให้ร้านค้าในชุมชนใกล้บ้าน ซึ่งสามารถขายได้ วันละประมาณ 30–40 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ ประมาณ 80 บาท สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่นัทก็ยังไม่หยุดพัฒนา เพราะการเพาะเห็ดเป็นงานที่ต้องเผชิญกับปัญหาอยู่เสมอ เช่น ปัญหาคุณภาพก้อนเห็ด หรือรอบการออกดอกที่ลดลงตามเวลา
สำหรับฟาร์มที่ใช้ โรงเรือนระบบ EVAP นัทจะมีการเปลี่ยนก้อนเห็ดใหม่ทุก 2 เดือน เพราะหลังจากนั้น รอบการออกดอกจะเริ่มช้าลง และไม่ทันต่อความต้องการของตลาด จึงเลือกใช้วิธีโละก้อนและเริ่มชุดใหม่ทันที เพื่อรักษาคุณภาพและปริมาณผลผลิตให้สม่ำเสมอ แต่สำหรับผู้ที่ซื้อก้อนเห็ดไปเลี้ยงเองที่บ้านหรือเลี้ยงในโรงเรือนเล็ก ๆ สามารถยืดอายุการให้ดอกของก้อนเห็ดได้ เพื่อให้คุ้มค่าต่อการลงทุน และได้กำไรในระยะยาวมากขึ้น
นอกจากนี้ ก้อนเห็ดที่ผ่านการใช้งานแล้วยังสามารถนำไป รีไซเคิล โดยนำมาตีทำปุ๋ยสำหรับต้นไม้ หรือใช้เป็นวัสดุในการเพาะเห็ดชนิดอื่น ๆ ได้อีก เรียกได้ว่าไม่เสียของ และยังสร้างประโยชน์ได้หลายทาง
โรงเรือนระบบ EVAP ทางเลือกใหม่ของฟาร์มเห็ดยุคใหม่


โรงเรือนระบบ EVAP เป็นโรงเรือนที่สามารถควบคุมอุณหภูมิและความชื้นภายในได้อย่างแม่นยำ ทำให้สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเห็ดได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในปัจจุบันที่สภาพอากาศแปรปรวนมากขึ้น ฟาร์มเห็ดจำนวนมากจึงเริ่มหันมาใช้ระบบ EVAP เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะเห็ด อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับการเพาะเห็ดจะอยู่ที่ประมาณ 30 องศา และความชื้นต้องอยู่ที่ประมาณ 80-90
ในระบบนี้ ก้อนเชื้อเห็ดแต่ละก้อนสามารถให้ผลผลิตต่อเนื่องได้ประมาณ 3–4 เดือน และสามารถเก็บดอกเห็ดได้ทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ทั้งในช่วงเช้าและเย็น จึงเป็นระบบที่เหมาะกับการเพาะเห็ดเพื่อการค้า โรงเรือน EVAP ของที่ฟาร์มมีขนาดประมาณ 4×8 เมตร ซึ่งสามารถวางก้อนเชื้อเห็ดได้มากถึง 4,000–4,500 ก้อนต่อโรงเรือน จัดวางอย่างเป็นระเบียบเพื่อให้ดูแลและเก็บผลผลิตได้สะดวก ระบบนี้ช่วยให้ควบคุมคุณภาพเห็ดได้ดี ลดความเสี่ยงจากสภาพอากาศ และสามารถวางแผนผลผลิตให้ตรงตามความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ควบคุมความชื้นอย่างแม่นยำ เพิ่มผลผลิตด้วยโรงเรือน EVAP


ทุกเช้าหลังตื่นนอน กิจกรรมแรกคือการเก็บดอกเห็ดสดจากโรงเรือนและเตรียมแพ็คใส่ถุงเพื่อส่งให้ลูกค้าตามออเดอร์ประจำวัน โดยเห็ดในฟาร์มจะออกดอกต่อเนื่องทุกวัน ซึ่งต้องอาศัยการดูแลที่สม่ำเสมอและแม่นยำ
สำหรับฟาร์มที่ใช้ โรงเรือนระบบ EVAP จะมีการ รดน้ำเพียงวันละ 1 ครั้ง ในช่วงเวลา ประมาณ 2 ทุ่ม โดยระบบจะปล่อยน้ำผ่านท่อบริเวณหลังคา เพื่อให้ละอองน้ำกระจายทั่วโรงเรือนอย่างสม่ำเสมอ ช่วยรักษาระดับความชื้นที่เหมาะสมให้กับก้อนเห็ดตลอดทั้งคืน ข้อดีของโรงเรือนระบบ EVAP คือสามารถ ควบคุมสภาพแวดล้อมได้ดี ทำให้เห็ดออกดอกได้ทุกวันอย่างต่อเนื่อง ต่างจากโรงเรือนแบบธรรมดาที่ต้อง อาศัยสภาพอากาศภายนอก และจำเป็นต้องรดน้ำถึงวันละ 3–4 ครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนจัด
ในขณะเดียวกัน หากเป็นช่วงฤดูฝน โรงเรือนแบบธรรมดาอาจลดความถี่ในการรดน้ำเหลือเพียงวันละครั้ง เนื่องจากมีความชื้นในอากาศอยู่แล้ว แต่ก็ยังต้องคอยปรับตัวตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ ระบบ EVAP จึงกลายเป็นทางเลือกสำคัญของเกษตรกรที่ต้องการปริมาณผลิตและลดเวลาในการทำงานอย่างเห็นได้ชัด
มือใหม่อยากเพาะเห็ด ควรเริ่มยังไง ?


สำหรับคนที่สนใจอยากเริ่มต้นเพาะเห็ด แนะนำให้เริ่มจากก้อนเชื้อเห็ดจำนวนน้อยประมาณ 10–20 ก้อน เพื่อทดลองและเรียนรู้การดูแลในระยะแรก โดยเฉพาะการสังเกตการออกดอกว่ามีลักษณะอย่างไร ออกดอกได้กี่รอบ กี่รุ่น รวมถึงดูว่าก้อนเห็ดมีโอกาสเสียหรือไม่และเกิดจากสาเหตุอะไร
การเริ่มจากจุดเล็ก ๆ แบบนี้เป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยง และยังสามารถทำควบคู่กับงานประจำได้โดยไม่รบกวนเวลา เพราะไม่ต้องใช้พื้นที่หรือต้นทุนมากนัก เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการเข้าใจธรรมชาติของเห็ดก่อนจะขยับขยายในอนาคต ซึ่งปัจจุบันก้อนเชื้อเห็ดมีจำหน่ายทั่วไป สามารถหาซื้อได้ง่าย ทำให้การเริ่มต้นไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อมั่นใจในขั้นตอนการดูแลและเข้าใจธรรมชาติของเห็ดแล้ว จึงค่อยขยายจำนวน เพิ่มโรงเรือน หรือพัฒนาเป็นฟาร์มเห็ดอย่างเต็มรูปแบบต่อไป
หากสนใจเทคนิคการทำฟาร์มเห็ดหรือก้อนเชื้อเห็ด สามารถติดต่อได้ที่
โทร : 096-694-6297
Facebook : ฟาร์มเห็ดสานฝัน – บางกรวย
………………………………………
เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกษตรเพิ่มเติมได้ที่ :
𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸: เกษตรสัญจร
𝗬𝗼𝘂𝗧𝘂𝗯𝗲: youtube.com/c/Kasetsanjorn
𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸: tiktok.com/@kasetsanjorn
𝗦𝗵𝗼𝗽𝗲𝗲: shopee.co.th/kasetsanjorn
𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗢𝗳𝗳𝗶𝗰𝗶𝗮𝗹: @kasetsanjorn
𝗕𝗹𝗼𝗰𝗸𝗱𝗶𝘁: blockdit.com/kasetsanjorn/
𝗧𝘄𝗶𝘁𝘁𝗲𝗿: twitter.com/kasetsanjorn/
𝗪𝗲𝗯𝘀𝗶𝘁𝗲: kasetsanjorn.com







