จุดเริ่มต้นในการเลี้ยงกบ


พี่เกมส์ เฉลิมยศ บุญเสริม เจ้าของรุ่งโรจน์ฟาร์มกบ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เริ่มเลี้ยงกบตั้งแต่ปี 2564 หลังจากเคยทำงานอยู่กรุงเทพฯ แล้วกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้าน วันหนึ่งเกิดอยากกินกบ จึงลองซื้อกบมาเลี้ยง 300 ตัว ตัวละ 1 บาท ใส่ลงกระชังเลียนแบบธรรมชาติ โดยใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำที่ไหลผ่านร่องน้ำภายในสวน
เพียง 2 เดือน กบเติบโตไวเกินคาด กินไม่ทัน พี่เกมส์จึงเริ่มแจกเพื่อนบ้านและขายบ้าง จนเห็นว่า “กบโตไว เลี้ยงง่าย แค่ให้อาหารวันละ 2 มื้อ” จึงตัดสินใจเพาะพันธุ์เอง เริ่มจากพ่อแม่พันธุ์ 3-5 คู่ ใส่ในกระชังบก ทดลองเลี้ยงจากประสบการณ์จริง ลองผิดลองถูก
วันนี้ ฟาร์มกบของพี่เกมส์มีมากกว่า 25 กระชัง กระชังละ 200-300 ตัว ยังไม่รวมลูกอ๊อดที่เพาะได้อีกมหาศาล ซึ่ง 1 กระชังสามารถเพาะลูกกบได้ถึง 5,000–10,000 ตัว
กบที่นี่ขายยังไง ?


ที่รุ่งโรจน์ฟาร์มกบ จะเริ่มจำหน่ายลูกกบตั้งแต่ยังตัวเล็ก โดยมีราคาตั้งแต่ตัวละ 1-3 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและอายุของลูกกบ เริ่มขายได้ตั้งแต่อายุประมาณ 1 เดือน หลังฟักจากลูกอ๊อด ซึ่งจะเป็นลูกกบไซส์เล็ก ราคาตัวละ 1 บาท เมื่อลูกกบโตขึ้นอีกประมาณ 1 สัปดาห์ จะมีขนาดใหญ่ขึ้นและขายในราคา 2 บาท และเมื่อถึงสัปดาห์ที่สาม ขนาดจะเพิ่มขึ้นอีก และจำหน่ายในราคา 3 บาทต่อตัว หลังจากนั้นหากเลี้ยงต่อไปจนโตเต็มที่ ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ก็สามารถขายเป็นกบเนื้อได้ โดยจะมีขนาดเฉลี่ยประมาณ 4-5 ตัวต่อกิโลกรัม ราคาจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 100 บาท
ส่วนกบที่โตเต็มวัย อายุประมาณ 1 ปีขึ้นไป ก็จะถูกคัดไว้เป็นพ่อแม่พันธุ์สำหรับเพาะรุ่นใหม่ต่อไป
การเลี้ยงกบยากมั้ย ?


การเลี้ยงและเพาะพันธุ์กบไม่ใช่เรื่องยาก หากเริ่มต้นจากความเข้าใจธรรมชาติของกบ โดยเฉพาะช่วงที่กบต้องการวางไข่ เราควรสังเกตว่ากบชอบออกไข่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน และปล่อยให้ดำเนินวงจรชีวิตตามธรรมชาติ
ขนาดบ่อที่แนะนำจะอยู่ที่ประมาณ 2×3 เมตร แต่สามารถปรับขยายได้ตามพื้นที่ที่มี ภายในกระชังจะมีตาข่ายรองพื้น เพื่อให้น้ำสามารถไหลผ่านได้ ไม่ใช่กระชังแบบทึบ และจะทำแพหรือท่อพีวีซีวางไว้ในบ่อเพื่อให้กบได้ขึ้นมาอยู่บนบกบ้างตามพฤติกรรมตามธรรมชาติ โดยทั่วไป 1 กระชังจะเลี้ยงกบได้ประมาณ 200-300 ตัว หากกบเริ่มโตจนแน่นเกินไป ก็จะมีการแยกออกเพื่อไม่ให้เบียดเสียด และจะคัดแยกตามขนาด เพื่อป้องกันไม่ให้กัดกัน ซึ่งช่วยให้การเจริญเติบโตเป็นไปอย่างสมบูรณ์
ที่ฟาร์มจะให้อาหารกบวันละ 2 ครั้ง คือช่วงเช้าและเย็น โดยใช้อาหารเม็ดเป็นหลัก การให้อาหารจะกะปริมาณตามความเหมาะสมและหลังให้อาหารจะสังเกตภายใน 1 ชั่วโมง หากอาหารหมดเร็ว แสดงว่าปริมาณที่ให้ยังไม่พอ รอบถัดไปสามารถเพิ่มได้ สิ่งสำคัญคือต้องไม่ให้อาหารเหลือ เพราะเศษอาหารจะส่งผลต่อคุณภาพของน้ำ ทำให้น้ำเน่าเสียและเป็นสาเหตุของการเกิดโรคในกบได้ การให้อาหารอย่างพอดีจึงเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการเลี้ยงกบให้แข็งแรงและเจริญเติบโตดี
การคัดพ่อแม่พันธุ์


พ่อแม่พันธุ์กบที่ดีควรมีอายุอย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป โดยการเลือกแม่พันธุ์จะเน้นที่ความสมบูรณ์แข็งแรง ลักษณะเด่นคือบริเวณข้างท้องจะมีสีแดง และเมื่อลูบจะรู้สึกสากเล็กน้อย ส่วนพ่อพันธุ์ที่พร้อมผสมพันธุ์มักจะมีคางสีดำ สังเกตเพิ่มเติมโดยใช้นิ้วสอดใต้คางกบ ถ้ากบใช้ขาหนีบรัดแน่น แสดงว่าเป็นพ่อพันธุ์ที่พร้อมใช้งาน
หลังจากคัดพ่อแม่พันธุ์แล้ว จะนำไปแยกเลี้ยงในบ่อคนละส่วนจนกว่าจะถึงเวลาผสมพันธุ์ ซึ่งมักทำในช่วงเย็นเวลาประมาณ 5 โมงเย็น โดยเตรียมกระชังบกที่ไม่มีน้ำ จากนั้นนำแม่พันธุ์ลงกระชังประมาณ 10-13 ตัว ตามด้วยพ่อพันธุ์ประมาณ 20 ตัว เมื่อทุกตัวอยู่ในกระชังแล้ว จะเริ่มเติมน้ำลงไปให้ท่วมหลังกบ โดยใช้น้ำจากบ่อธรรมชาติ เพื่อจำลองบรรยากาศคล้ายฝนตกหลีกเลี่ยงการใช้น้ำประปาและปล่อยไว้ให้กบจับคู่กันเอง โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนหากพบว่าพ่อพันธุ์เริ่มเกาะแม่พันธุ์ แสดงว่าพร้อมผสมพันธุ์ แต่หากตัวผู้เกาะกันเองจะต้องจับแยกและพาไปจับคู่กับตัวเมียแทน
ช่วงเช้าหลังวันผสม จะเริ่มเห็นไข่กบลอยอยู่บนผิวน้ำ ให้รีบแยกพ่อแม่พันธุ์ออกจากกระชังเพื่อเตรียมชุดใหม่ และปล่อยให้ไข่ฟักเองตามธรรมชาติ โดยใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน ไข่จะกลายเป็นลูกอ๊อดหลังจากลูกอ๊อดฟักได้ประมาณ 5 วัน จะเริ่มให้อาหารด้วยไข่แดงต้มสุก จากนั้นจึงผสมไข่แดงกับหัวอาหาร และเพิ่มจำนวนมื้อให้อาหารเป็นวันละ 6-8 มื้อ เพื่อเร่งการเจริญเติบโตในช่วงแรก
เลี้ยงกบมีปัญหาอะไรบ้าง ?


หนึ่งในปัญหาหลักของการเลี้ยงกบคือเรื่อง “การเพาะพันธุ์” โดยช่วงแรกที่เริ่มเลี้ยง พี่เกมส์เคยเข้าใจว่าจะเพาะพันธุ์กบได้เฉพาะในฤดูฝน แต่ความจริงแล้ว ถ้ากบเข้าสู่วงจรการสืบพันธุ์ ก็สามารถเริ่มเพาะได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคม หรือต้นเดือนกุมภาพันธ์เลย
ปัญหาที่เจอบ่อยๆ คือในช่วงต้นฤดูเพาะพันธุ์ ไข่กบมักจะออกมาน้อย และมีศัตรูรบกวน เช่น แมลงที่มากินไข่กบ รวมถึงคุณภาพน้ำก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ น้ำที่ใช้ต้องสะอาดและเป็นน้ำใหม่ เพราะถ้าใช้น้ำเก่าที่เคยเลี้ยงกบมาก่อน อาจทำให้กบเข้าใจว่าจะมีเชื้อโรคหรือศัตรูที่จะมารบกวนลูกกบ ทำให้พ่อแม่พันธุ์ไม่ยอมวางไข่
อีกหนึ่งอุปสรรคใหญ่คือสภาพอากาศโดยเฉพาะในช่วงฝนตกหนัก หากฝนตกแล้วอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว จากร้อนเป็นเย็น จะทำให้ลูกอ๊อดเกิดภาวะ “น็อค” จนทำให้ตายยกกระชังก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว อย่างในปีแรกที่เริ่มเลี้ยง เคยเสียลูกอ๊อดไปถึง 3 กระชัง แนวทางที่ใช้ในการแก้ไขคือ การใช้ “สแลนบังฝน” เพื่อช่วยลดแรงกระแทกของฝน และทำให้พื้นที่เลี้ยงมีความปลอดโปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดี ซึ่งช่วยให้การเพาะพันธุ์ลูกกบในรอบต่อไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โรคยอดฮิตของกบมีอะไรบ้าง ?


ในการเลี้ยงกบ โรคที่พบได้บ่อยคือ โรคสแกเวียน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า โรคตาขาวกบ ซึ่งในช่วงแรกที่เจอโรคนี้ ทางฟาร์มยังไม่มีประสบการณ์ในการรักษา เพราะยึดหลักการเลี้ยงแบบไม่ใช้ยา แต่เมื่อศึกษาเพิ่มเติม จึงพบว่าหากกบเริ่มแสดงอาการควรมีการใช้ยาเพื่อช่วยให้กบฟื้นตัวและแข็งแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม ที่ฟาร์มจะให้ยาในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเหมือนการเลี้ยงในระบบกระชังบก เพราะเลี้ยงในแหล่งน้ำธรรมชาติที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมร่วมด้วย แนวทางสำคัญในการรับมือกับโรคคือ การแยกกบที่ป่วยออกจากกระชังทันที เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรค และดูแลสภาพแวดล้อมในบ่อให้สะอาดอยู่เสมอ
เทคนิคการหาตลาดสำหรับฟาร์มกบ


ช่วงเริ่มต้นของการเลี้ยงกบ พี่เกมส์เริ่มหาตลาดจากชาวบ้านในพื้นที่ก่อน โดยนำกบไปขายตรงให้กับคนในหมู่บ้าน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี เพราะสะดวกกว่าการไปหาซื้อที่ตลาด หรือออกไปจับกบเอง จากนั้นจึงขยายตลาดด้วยการลงโพสต์ขายบนโซเชียลมีเดียเพื่อให้ลูกค้าได้รู้จักฟาร์มและสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ด้วยตัวเอง วิธีนี้ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น อีกหนึ่งช่องทางสำคัญคือ การเข้าไปอยู่ในกลุ่มของคนที่เพาะเลี้ยงกบ ซึ่งในกลุ่มจะมีผู้ซื้อรายใหญ่เข้ามารับซื้อถึงฟาร์มครั้งละ 500-600 กิโลกรัม ช่วยให้สามารถระบายผลผลิตได้ในปริมาณมาก การเริ่มจากตลาดใกล้ตัว แล้วค่อย ๆ ขยายไปยังช่องทางออนไลน์และเครือข่ายในวงการ จึงเป็นเทคนิคสำคัญที่ทำให้ฟาร์มสามารถสร้างตลาดได้อย่างยั่งยืน
จากแค่อยากกินกบ สู่ฟาร์มเลี้ยงกบเต็มรูปแบบ


จากวันแรกที่เริ่มเลี้ยงกบเพียงเพราะอยากกินในครอบครัว ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะขยายกลายมาเป็น “รุ่งโรจน์ฟาร์มกบ” อย่างในวันนี้ กบเป็นสัตว์ที่ขยายพันธุ์เร็วมาก เมื่อวางไข่จะมีปริมาณมหาศาล จนบางครั้งต้องคัดหรือลดจำนวนเพราะอาหารไม่เพียงพอ อีกทั้งยังต้องเจอกับปัญหาโรคระบาดและสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นต้นทุนไม่ว่าจะเป็นค่ากระชัง ค่าอาหาร ค่าดูแล และค่าแรงงาน ประสบการณ์ที่ได้สอนให้รู้ว่า ถ้าอยากให้ฟาร์มเติบโตจากเล็ก ๆ ไปสู่ระบบที่ยั่งยืน ต้องอาศัยทั้ง แรงทุน และ แรงคน รวมถึงความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ระหว่างทาง
เสน่ห์และความแตกต่างของกบที่รุ่งโรจน์ฟาร์ม


จุดเด่นของการเลี้ยงกบที่รุ่งโรจน์ฟาร์ม คือการเลี้ยงในระบบบ่อธรรมชาติโดยใช้น้ำไหลผ่านจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ทำให้ดูแลรักษาความสะอาดได้ง่ายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่ฟาร์มจะใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำ ซึ่งไหลมาตามร่องสวนเข้าสู่บ่อกบ และมีระบบระบายน้ำออกสู่พื้นที่นาโดยรอบ ฟาร์มจะเปิดระบายน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือมากกว่านั้นตามสภาพอากาศ หากน้ำในร่องเริ่มแห้งก็จะเปิดรับน้ำเข้ามาใหม่ ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำบ่อยเหมือนระบบกระชังบกที่ต้องเปลี่ยนน้ำทุกวัน อีกหนึ่งเสน่ห์คือ การใส่พืชน้ำ เช่น ผักตบชวา ลงไปในบ่อ เพื่อให้กบได้ใช้เป็นที่หลบซ่อน และบางส่วนสามารถเป็นอาหารตามธรรมชาติได้ด้วย การเลี้ยงแบบนี้ช่วยให้น้ำในบ่อมีความสะอาดตลอดเวลา กบไม่เครียด กินอาหารได้ดี โตไว และใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด นี่คือความแตกต่างที่ทำให้กบจากฟาร์มนี้มีคุณภาพและสุขภาพดีอย่างแท้จริง
แรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต


หลังจากที่พี่เกมส์ใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ หลายปี แล้วกลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด ก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน ที่นี่มีอากาศดี สดชื่น มีหมอกยามเช้า และอากาศเย็นสบาย ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมากขึ้น การเลี้ยงกบจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ธุรกิจ แต่เป็นกิจกรรมที่ทำให้พี่เกมส์และคุณพ่อได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ได้ทำในสิ่งที่รัก และได้แบ่งปันความสุขจากการให้อาหารกบทุกวัน
สำหรับเกษตรกรรุ่นใหม่ที่อยากเริ่มต้นทำเกษตร พี่เกมส์แนะนำว่า ควรเริ่มจากการหาความรู้ในสิ่งที่เราสนใจก่อน และถามตัวเองว่าเราชอบสิ่งนั้นจริงหรือไม่ หากชอบและรักสิ่งนั้น ควรตั้งใจศึกษาและลงมือทำอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากเลี้ยงหรือทดลองในขนาดเล็กก่อน เรียนรู้วงจรชีวิตของสัตว์หรือพืชที่เราจะเลี้ยง และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องเข้าใจธรรมชาติของชีวิต และพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างมีความอดทน เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เกษตรเป็นทั้งงานที่รักและชีวิตที่มีความสุขได้อย่างแท้จริง
หากสนใจการเลี้ยงกบแบบครบวงจรและพันธุ์กบสามารถติดต่อได้ที่
โทร : 086-938-6327 , 064-925-2697
Facebook : รุ่งโรจน์ ฟาร์มกบ หล่มสัก
………………………………………
เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกษตรเพิ่มเติมได้ที่ :
𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸: เกษตรสัญจร
𝗬𝗼𝘂𝗧𝘂𝗯𝗲: youtube.com/c/Kasetsanjorn
𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸: tiktok.com/@kasetsanjorn
𝗦𝗵𝗼𝗽𝗲𝗲: shopee.co.th/kasetsanjorn
𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗢𝗳𝗳𝗶𝗰𝗶𝗮𝗹: @kasetsanjorn
𝗕𝗹𝗼𝗰𝗸𝗱𝗶𝘁: blockdit.com/kasetsanjorn/
𝗧𝘄𝗶𝘁𝘁𝗲𝗿: twitter.com/kasetsanjorn/
𝗪𝗲𝗯𝘀𝗶𝘁𝗲: kasetsanjorn.com
 
			






