• หน้าหลัก
  • ร้านค้า
  • เข้าสู่ระบบเรียนออนไลน์
  • หลักสูตรอบรม
  • เกี่ยวกับเรา
  • เงื่อนไขและนโยบายข้อมูลส่วนบุคลล (PDPA)
เกษตรสัญจร - Kasetsanjorn
ADVERTISEMENT
  • หน้าหลัก
  • ข่าวเกษตร
  • บทความ
    • เกษตรเคล็ดลับ
    • สมาร์ทฟาร์ม
    • เกษตรกูรู
    • พืชเศรษฐกิจใหม่
    • เกษตรกรหญิง
  • ร้านค้า
  • หลักสูตรอบรม
  • เข้าสู่ระบบเรียนออนไลน์
  • เกี่ยวกับเรา
    • Contact Us
    • เงื่อนไขและนโยบายข้อมูลส่วนบุคลล (PDPA)
No Result
View All Result
  • หน้าหลัก
  • ข่าวเกษตร
  • บทความ
    • เกษตรเคล็ดลับ
    • สมาร์ทฟาร์ม
    • เกษตรกูรู
    • พืชเศรษฐกิจใหม่
    • เกษตรกรหญิง
  • ร้านค้า
  • หลักสูตรอบรม
  • เข้าสู่ระบบเรียนออนไลน์
  • เกี่ยวกับเรา
    • Contact Us
    • เงื่อนไขและนโยบายข้อมูลส่วนบุคลล (PDPA)
No Result
View All Result
เกษตรสัญจร
No Result
View All Result
Home บทความ

เลี้ยงกบเลียนแบบธรรมชาติ ในร่องน้ำ

ต้นทุนต่ำ โตไว

เกษตรสัญจรออนไลน์ by เกษตรสัญจรออนไลน์
พฤษภาคม 31, 2025
in บทความ, เกษตรเคล็ดลับ
0
เลี้ยงกบเลียนแบบธรรมชาติ ในร่องน้ำ
0
SHARES
8
VIEWS
Share on FacebookShare on TwitterShare on LINE
ADVERTISEMENT

 

จุดเริ่มต้นในการเลี้ยงกบ

พี่เกมส์ เฉลิมยศ บุญเสริม เจ้าของรุ่งโรจน์ฟาร์มกบ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เริ่มเลี้ยงกบตั้งแต่ปี 2564 หลังจากเคยทำงานอยู่กรุงเทพฯ แล้วกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้าน วันหนึ่งเกิดอยากกินกบ จึงลองซื้อกบมาเลี้ยง 300 ตัว ตัวละ 1 บาท ใส่ลงกระชังเลียนแบบธรรมชาติ โดยใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำที่ไหลผ่านร่องน้ำภายในสวน

เพียง 2 เดือน กบเติบโตไวเกินคาด กินไม่ทัน พี่เกมส์จึงเริ่มแจกเพื่อนบ้านและขายบ้าง จนเห็นว่า “กบโตไว เลี้ยงง่าย แค่ให้อาหารวันละ 2 มื้อ” จึงตัดสินใจเพาะพันธุ์เอง เริ่มจากพ่อแม่พันธุ์ 3-5 คู่ ใส่ในกระชังบก ทดลองเลี้ยงจากประสบการณ์จริง ลองผิดลองถูก

วันนี้ ฟาร์มกบของพี่เกมส์มีมากกว่า 25 กระชัง กระชังละ 200-300 ตัว ยังไม่รวมลูกอ๊อดที่เพาะได้อีกมหาศาล ซึ่ง 1 กระชังสามารถเพาะลูกกบได้ถึง 5,000–10,000 ตัว

 

กบที่นี่ขายยังไง ?

ที่รุ่งโรจน์ฟาร์มกบ จะเริ่มจำหน่ายลูกกบตั้งแต่ยังตัวเล็ก โดยมีราคาตั้งแต่ตัวละ 1-3 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและอายุของลูกกบ เริ่มขายได้ตั้งแต่อายุประมาณ 1 เดือน หลังฟักจากลูกอ๊อด ซึ่งจะเป็นลูกกบไซส์เล็ก ราคาตัวละ 1 บาท เมื่อลูกกบโตขึ้นอีกประมาณ 1 สัปดาห์ จะมีขนาดใหญ่ขึ้นและขายในราคา 2 บาท และเมื่อถึงสัปดาห์ที่สาม ขนาดจะเพิ่มขึ้นอีก และจำหน่ายในราคา 3 บาทต่อตัว หลังจากนั้นหากเลี้ยงต่อไปจนโตเต็มที่ ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ก็สามารถขายเป็นกบเนื้อได้ โดยจะมีขนาดเฉลี่ยประมาณ 4-5 ตัวต่อกิโลกรัม ราคาจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 100 บาท

ส่วนกบที่โตเต็มวัย อายุประมาณ 1 ปีขึ้นไป ก็จะถูกคัดไว้เป็นพ่อแม่พันธุ์สำหรับเพาะรุ่นใหม่ต่อไป

 

การเลี้ยงกบยากมั้ย ?

การเลี้ยงและเพาะพันธุ์กบไม่ใช่เรื่องยาก หากเริ่มต้นจากความเข้าใจธรรมชาติของกบ โดยเฉพาะช่วงที่กบต้องการวางไข่ เราควรสังเกตว่ากบชอบออกไข่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน และปล่อยให้ดำเนินวงจรชีวิตตามธรรมชาติ

ขนาดบ่อที่แนะนำจะอยู่ที่ประมาณ 2×3 เมตร แต่สามารถปรับขยายได้ตามพื้นที่ที่มี ภายในกระชังจะมีตาข่ายรองพื้น เพื่อให้น้ำสามารถไหลผ่านได้ ไม่ใช่กระชังแบบทึบ และจะทำแพหรือท่อพีวีซีวางไว้ในบ่อเพื่อให้กบได้ขึ้นมาอยู่บนบกบ้างตามพฤติกรรมตามธรรมชาติ โดยทั่วไป 1 กระชังจะเลี้ยงกบได้ประมาณ 200-300 ตัว หากกบเริ่มโตจนแน่นเกินไป ก็จะมีการแยกออกเพื่อไม่ให้เบียดเสียด และจะคัดแยกตามขนาด เพื่อป้องกันไม่ให้กัดกัน ซึ่งช่วยให้การเจริญเติบโตเป็นไปอย่างสมบูรณ์

ที่ฟาร์มจะให้อาหารกบวันละ 2 ครั้ง คือช่วงเช้าและเย็น โดยใช้อาหารเม็ดเป็นหลัก การให้อาหารจะกะปริมาณตามความเหมาะสมและหลังให้อาหารจะสังเกตภายใน 1 ชั่วโมง หากอาหารหมดเร็ว แสดงว่าปริมาณที่ให้ยังไม่พอ รอบถัดไปสามารถเพิ่มได้ สิ่งสำคัญคือต้องไม่ให้อาหารเหลือ เพราะเศษอาหารจะส่งผลต่อคุณภาพของน้ำ ทำให้น้ำเน่าเสียและเป็นสาเหตุของการเกิดโรคในกบได้ การให้อาหารอย่างพอดีจึงเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการเลี้ยงกบให้แข็งแรงและเจริญเติบโตดี

 

การคัดพ่อแม่พันธุ์ 

พ่อแม่พันธุ์กบที่ดีควรมีอายุอย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป โดยการเลือกแม่พันธุ์จะเน้นที่ความสมบูรณ์แข็งแรง ลักษณะเด่นคือบริเวณข้างท้องจะมีสีแดง และเมื่อลูบจะรู้สึกสากเล็กน้อย ส่วนพ่อพันธุ์ที่พร้อมผสมพันธุ์มักจะมีคางสีดำ สังเกตเพิ่มเติมโดยใช้นิ้วสอดใต้คางกบ ถ้ากบใช้ขาหนีบรัดแน่น แสดงว่าเป็นพ่อพันธุ์ที่พร้อมใช้งาน

หลังจากคัดพ่อแม่พันธุ์แล้ว จะนำไปแยกเลี้ยงในบ่อคนละส่วนจนกว่าจะถึงเวลาผสมพันธุ์ ซึ่งมักทำในช่วงเย็นเวลาประมาณ 5 โมงเย็น โดยเตรียมกระชังบกที่ไม่มีน้ำ จากนั้นนำแม่พันธุ์ลงกระชังประมาณ 10-13 ตัว ตามด้วยพ่อพันธุ์ประมาณ 20 ตัว เมื่อทุกตัวอยู่ในกระชังแล้ว จะเริ่มเติมน้ำลงไปให้ท่วมหลังกบ โดยใช้น้ำจากบ่อธรรมชาติ เพื่อจำลองบรรยากาศคล้ายฝนตกหลีกเลี่ยงการใช้น้ำประปาและปล่อยไว้ให้กบจับคู่กันเอง โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนหากพบว่าพ่อพันธุ์เริ่มเกาะแม่พันธุ์ แสดงว่าพร้อมผสมพันธุ์ แต่หากตัวผู้เกาะกันเองจะต้องจับแยกและพาไปจับคู่กับตัวเมียแทน

ช่วงเช้าหลังวันผสม จะเริ่มเห็นไข่กบลอยอยู่บนผิวน้ำ ให้รีบแยกพ่อแม่พันธุ์ออกจากกระชังเพื่อเตรียมชุดใหม่ และปล่อยให้ไข่ฟักเองตามธรรมชาติ โดยใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน ไข่จะกลายเป็นลูกอ๊อดหลังจากลูกอ๊อดฟักได้ประมาณ 5 วัน จะเริ่มให้อาหารด้วยไข่แดงต้มสุก จากนั้นจึงผสมไข่แดงกับหัวอาหาร และเพิ่มจำนวนมื้อให้อาหารเป็นวันละ 6-8 มื้อ เพื่อเร่งการเจริญเติบโตในช่วงแรก

 

เลี้ยงกบมีปัญหาอะไรบ้าง ?

หนึ่งในปัญหาหลักของการเลี้ยงกบคือเรื่อง “การเพาะพันธุ์” โดยช่วงแรกที่เริ่มเลี้ยง พี่เกมส์เคยเข้าใจว่าจะเพาะพันธุ์กบได้เฉพาะในฤดูฝน แต่ความจริงแล้ว ถ้ากบเข้าสู่วงจรการสืบพันธุ์ ก็สามารถเริ่มเพาะได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคม หรือต้นเดือนกุมภาพันธ์เลย

ปัญหาที่เจอบ่อยๆ คือในช่วงต้นฤดูเพาะพันธุ์ ไข่กบมักจะออกมาน้อย และมีศัตรูรบกวน เช่น แมลงที่มากินไข่กบ รวมถึงคุณภาพน้ำก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ น้ำที่ใช้ต้องสะอาดและเป็นน้ำใหม่ เพราะถ้าใช้น้ำเก่าที่เคยเลี้ยงกบมาก่อน อาจทำให้กบเข้าใจว่าจะมีเชื้อโรคหรือศัตรูที่จะมารบกวนลูกกบ ทำให้พ่อแม่พันธุ์ไม่ยอมวางไข่

อีกหนึ่งอุปสรรคใหญ่คือสภาพอากาศโดยเฉพาะในช่วงฝนตกหนัก หากฝนตกแล้วอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว จากร้อนเป็นเย็น จะทำให้ลูกอ๊อดเกิดภาวะ “น็อค” จนทำให้ตายยกกระชังก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว อย่างในปีแรกที่เริ่มเลี้ยง เคยเสียลูกอ๊อดไปถึง 3 กระชัง แนวทางที่ใช้ในการแก้ไขคือ การใช้ “สแลนบังฝน” เพื่อช่วยลดแรงกระแทกของฝน และทำให้พื้นที่เลี้ยงมีความปลอดโปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดี ซึ่งช่วยให้การเพาะพันธุ์ลูกกบในรอบต่อไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

โรคยอดฮิตของกบมีอะไรบ้าง ?

ในการเลี้ยงกบ โรคที่พบได้บ่อยคือ โรคสแกเวียน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า โรคตาขาวกบ ซึ่งในช่วงแรกที่เจอโรคนี้ ทางฟาร์มยังไม่มีประสบการณ์ในการรักษา เพราะยึดหลักการเลี้ยงแบบไม่ใช้ยา แต่เมื่อศึกษาเพิ่มเติม จึงพบว่าหากกบเริ่มแสดงอาการควรมีการใช้ยาเพื่อช่วยให้กบฟื้นตัวและแข็งแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม ที่ฟาร์มจะให้ยาในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเหมือนการเลี้ยงในระบบกระชังบก เพราะเลี้ยงในแหล่งน้ำธรรมชาติที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมร่วมด้วย แนวทางสำคัญในการรับมือกับโรคคือ การแยกกบที่ป่วยออกจากกระชังทันที เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรค และดูแลสภาพแวดล้อมในบ่อให้สะอาดอยู่เสมอ 

 

เทคนิคการหาตลาดสำหรับฟาร์มกบ

ช่วงเริ่มต้นของการเลี้ยงกบ พี่เกมส์เริ่มหาตลาดจากชาวบ้านในพื้นที่ก่อน โดยนำกบไปขายตรงให้กับคนในหมู่บ้าน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี เพราะสะดวกกว่าการไปหาซื้อที่ตลาด หรือออกไปจับกบเอง จากนั้นจึงขยายตลาดด้วยการลงโพสต์ขายบนโซเชียลมีเดียเพื่อให้ลูกค้าได้รู้จักฟาร์มและสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ด้วยตัวเอง วิธีนี้ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น อีกหนึ่งช่องทางสำคัญคือ การเข้าไปอยู่ในกลุ่มของคนที่เพาะเลี้ยงกบ ซึ่งในกลุ่มจะมีผู้ซื้อรายใหญ่เข้ามารับซื้อถึงฟาร์มครั้งละ 500-600 กิโลกรัม ช่วยให้สามารถระบายผลผลิตได้ในปริมาณมาก การเริ่มจากตลาดใกล้ตัว แล้วค่อย ๆ ขยายไปยังช่องทางออนไลน์และเครือข่ายในวงการ จึงเป็นเทคนิคสำคัญที่ทำให้ฟาร์มสามารถสร้างตลาดได้อย่างยั่งยืน

 

จากแค่อยากกินกบ สู่ฟาร์มเลี้ยงกบเต็มรูปแบบ

จากวันแรกที่เริ่มเลี้ยงกบเพียงเพราะอยากกินในครอบครัว ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะขยายกลายมาเป็น “รุ่งโรจน์ฟาร์มกบ” อย่างในวันนี้ กบเป็นสัตว์ที่ขยายพันธุ์เร็วมาก เมื่อวางไข่จะมีปริมาณมหาศาล จนบางครั้งต้องคัดหรือลดจำนวนเพราะอาหารไม่เพียงพอ อีกทั้งยังต้องเจอกับปัญหาโรคระบาดและสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นต้นทุนไม่ว่าจะเป็นค่ากระชัง ค่าอาหาร ค่าดูแล และค่าแรงงาน ประสบการณ์ที่ได้สอนให้รู้ว่า ถ้าอยากให้ฟาร์มเติบโตจากเล็ก ๆ ไปสู่ระบบที่ยั่งยืน ต้องอาศัยทั้ง แรงทุน และ แรงคน รวมถึงความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ระหว่างทาง 

 

เสน่ห์และความแตกต่างของกบที่รุ่งโรจน์ฟาร์ม

จุดเด่นของการเลี้ยงกบที่รุ่งโรจน์ฟาร์ม คือการเลี้ยงในระบบบ่อธรรมชาติโดยใช้น้ำไหลผ่านจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ทำให้ดูแลรักษาความสะอาดได้ง่ายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่ฟาร์มจะใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำ ซึ่งไหลมาตามร่องสวนเข้าสู่บ่อกบ และมีระบบระบายน้ำออกสู่พื้นที่นาโดยรอบ ฟาร์มจะเปิดระบายน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือมากกว่านั้นตามสภาพอากาศ หากน้ำในร่องเริ่มแห้งก็จะเปิดรับน้ำเข้ามาใหม่ ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำบ่อยเหมือนระบบกระชังบกที่ต้องเปลี่ยนน้ำทุกวัน อีกหนึ่งเสน่ห์คือ การใส่พืชน้ำ เช่น ผักตบชวา ลงไปในบ่อ เพื่อให้กบได้ใช้เป็นที่หลบซ่อน และบางส่วนสามารถเป็นอาหารตามธรรมชาติได้ด้วย การเลี้ยงแบบนี้ช่วยให้น้ำในบ่อมีความสะอาดตลอดเวลา กบไม่เครียด กินอาหารได้ดี โตไว และใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด นี่คือความแตกต่างที่ทำให้กบจากฟาร์มนี้มีคุณภาพและสุขภาพดีอย่างแท้จริง

 

แรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต

หลังจากที่พี่เกมส์ใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ หลายปี แล้วกลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด ก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน ที่นี่มีอากาศดี สดชื่น มีหมอกยามเช้า และอากาศเย็นสบาย ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมากขึ้น การเลี้ยงกบจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ธุรกิจ แต่เป็นกิจกรรมที่ทำให้พี่เกมส์และคุณพ่อได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ได้ทำในสิ่งที่รัก และได้แบ่งปันความสุขจากการให้อาหารกบทุกวัน

สำหรับเกษตรกรรุ่นใหม่ที่อยากเริ่มต้นทำเกษตร พี่เกมส์แนะนำว่า ควรเริ่มจากการหาความรู้ในสิ่งที่เราสนใจก่อน และถามตัวเองว่าเราชอบสิ่งนั้นจริงหรือไม่ หากชอบและรักสิ่งนั้น ควรตั้งใจศึกษาและลงมือทำอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากเลี้ยงหรือทดลองในขนาดเล็กก่อน เรียนรู้วงจรชีวิตของสัตว์หรือพืชที่เราจะเลี้ยง และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องเข้าใจธรรมชาติของชีวิต และพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างมีความอดทน เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เกษตรเป็นทั้งงานที่รักและชีวิตที่มีความสุขได้อย่างแท้จริง

 

หากสนใจการเลี้ยงกบแบบครบวงจรและพันธุ์กบสามารถติดต่อได้ที่

โทร : 086-938-6327 , 064-925-2697

Facebook : รุ่งโรจน์ ฟาร์มกบ หล่มสัก

 

 

 

 

……………………………………… 

เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง 

รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร 

ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกษตรเพิ่มเติมได้ที่ : 

𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸: เกษตรสัญจร

𝗬𝗼𝘂𝗧𝘂𝗯𝗲: youtube.com/c/Kasetsanjorn

𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸: tiktok.com/@kasetsanjorn

𝗦𝗵𝗼𝗽𝗲𝗲: shopee.co.th/kasetsanjorn

𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗢𝗳𝗳𝗶𝗰𝗶𝗮𝗹: @kasetsanjorn

𝗕𝗹𝗼𝗰𝗸𝗱𝗶𝘁: blockdit.com/kasetsanjorn/

𝗧𝘄𝗶𝘁𝘁𝗲𝗿: twitter.com/kasetsanjorn/ 

𝗪𝗲𝗯𝘀𝗶𝘁𝗲:  kasetsanjorn.com

 

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine
Tags: ทำฟาร์มกบเพาะพันธุ์กบเลี้ยงกบเลี้ยงกบครบวงจร
เกษตรสัญจรออนไลน์

เกษตรสัญจรออนไลน์

Related Posts

เปิดโลก เครื่องจักรกล เกษตรอัจฉริยะ! สัมผัสนวัตกรรมล้ำสมัยในงาน “CIAME 2025”

เปิดโลก เครื่องจักรกล เกษตรอัจฉริยะ! สัมผัสนวัตกรรมล้ำสมัยในงาน “CIAME 2025”

ตุลาคม 28, 2025
เกษตรโลกก้าวสู่ยุคใหม่! CIAME 2025 “การแสดงเครื่องจักรกลการเกษตรนานาชาติจีน ปี 2025” ณ อู่ฮั่น ประเทศจีน เปิดฉากแล้วอย่างยิ่งใหญ่!

เกษตรโลกก้าวสู่ยุคใหม่! CIAME 2025 “การแสดงเครื่องจักรกลการเกษตรนานาชาติจีน ปี 2025” ณ อู่ฮั่น ประเทศจีน เปิดฉากแล้วอย่างยิ่งใหญ่!

ตุลาคม 27, 2025
เทคนิคเลี้ยงปลาในระบบไบโอฟลอค ใช้แบคทีเรียแทนแรงงาน สร้างรายได้จากพื้นที่จำกัด

เทคนิคเลี้ยงปลาในระบบไบโอฟลอค ใช้แบคทีเรียแทนแรงงาน สร้างรายได้จากพื้นที่จำกัด

ตุลาคม 25, 2025
เป็ดคอลดั๊ก ขวัญใจคนรักสัตว์ เลี้ยงเล่นก็ได้ เลี้ยงขายก็รุ่ง เปลี่ยนความชอบให้เป็นเงิน 

เป็ดคอลดั๊ก ขวัญใจคนรักสัตว์ เลี้ยงเล่นก็ได้ เลี้ยงขายก็รุ่ง เปลี่ยนความชอบให้เป็นเงิน 

ตุลาคม 18, 2025
คำต้องห้ามในไลฟ์สดขายสินค้าเกษตรบน TikTok พร้อมเทคนิคพูดให้ขายดี

คำต้องห้ามในไลฟ์สดขายสินค้าเกษตรบน TikTok พร้อมเทคนิคพูดให้ขายดี

ตุลาคม 16, 2025
โอกาสทองสำหรับ “เกษตรกรรุ่นใหม่” กรมส่งเสริมการเกษตร เปิดรับสมัครเกษตรกรรุ่นใหม่เข้าร่วม “โครงการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ให้เป็น Young Smart Farmer ปี 2569”

โอกาสทองสำหรับ “เกษตรกรรุ่นใหม่” กรมส่งเสริมการเกษตร เปิดรับสมัครเกษตรกรรุ่นใหม่เข้าร่วม “โครงการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ให้เป็น Young Smart Farmer ปี 2569”

ตุลาคม 16, 2025

Browse by Category

  • advertorial
  • ข่าวเกษตร
  • บทความ
  • พืชเศษรฐกิจใหม่
  • ยังสามารถ
  • สมาร์มฟาร์ม
  • หลักสูตรอบรม
  • เกษตรกรหญิง
  • เกษตรกูรู
  • เกษตรสัญจรคลิป
  • เกษตรเคล็ดลับ
CLICK TO VERIFY: This site uses a GlobalSign SSL Certificate to secure your personal information.
Facebook Twitter Youtube Line

© 2022 เกษตรสัญจร

Welcome Back!

OR

Login to your account below

Forgotten Password? Sign Up

Create New Account!

OR

Fill the forms below to register

All fields are required. Log In

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In

Add New Playlist

No Result
View All Result
  • หน้าหลัก
  • ร้านค้า
  • เข้าสู่ระบบเรียนออนไลน์
  • หลักสูตรอบรม
  • เกี่ยวกับเรา
  • เงื่อนไขและนโยบายข้อมูลส่วนบุคลล (PDPA)

© 2022 เกษตรสัญจร


Warning: Attempt to read property "user_url" on bool in /home/zdfcszwp/public_html/kasetsanjorn.com/wp-content/plugins/wp-seo-structured-data-schema-pro/lib/functions/KcSeoOptions.php on line 7