จุดเริ่มต้นในการเลี้ยงปลาระบบไบโอฟลอค


รศ.ดร.ธนาทิพย์ แหลมคม รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ผู้วิจัยและพัฒนาระบบการเลี้ยงปลาด้วยเทคโนโลยี ไบโอฟลอคอัจฉริยะ มากว่า 5 ปี ระบบนี้เกิดจากแนวคิดในการผลิตปลาน้ำจืดที่ปลอดภัยและมีคุณภาพสำหรับผู้บริโภค โดยผสานองค์ความรู้ด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและงานวิจัยการผลิตเข้าด้วยกัน การประยุกต์ระบบไบโอฟลอคจำเป็นต้องปรับวิธีการให้เหมาะสมกับชนิดปลา ฤดูกาล และช่วงวัยของปลา ปัจจุบันเทคนิคนี้ถูกพัฒนาจนเหมาะสมเป็นพิเศษสำหรับ ปลาดุกบิ๊กอุย ช่วยให้ได้ผลผลิตสูง เติบโตเร็ว และปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ระบบไบโอฟลอคคืออะไร?


ในการเลี้ยงปลา เมื่อปลาได้รับอาหารก็จะมีการขับถ่ายของเสียลงสู่น้ำ ซึ่งโดยธรรมชาติจะมีแบคทีเรียและสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กคอยย่อยสลายของเสียเหล่านี้ แต่ในระบบการเลี้ยงปริมาณของเสียมักสูงเกินกว่าที่แบคทีเรียตามธรรมชาติจะย่อยสลายได้ทัน จึงทำให้คุณภาพน้ำเสื่อมลงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของปลา
ไบโอฟลอค คือ ตะกอนของจุลินทรีย์หรือสิ่งมีชีวิต ซ่งแบคทีเรียยกลุ่มนี้จะย่อยสลายของเสีย การเลี้ยงปลา“ระบบไบโอฟลอค” (Biofloc Technology) จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยจัดการของเสียและรักษาคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง คำว่า “Bio” หมายถึง สิ่งมีชีวิต และ “Floc” หมายถึง ตะกอนรวมตัวกัน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ ตะกอนจุลินทรีย์ที่สามารถย่อยสลายของเสียและยังเป็นแหล่งอาหารโปรตีนคุณภาพดีให้กับปลาได้อีกด้วย ทำให้ปลาเติบโตดีขึ้น ลดต้นทุนอาหาร และลดการเปลี่ยนน้ำในระบบเลี้ยง
การเลี้ยงปลาในระบบไบโอฟลอคดีอย่างไรสำหรับผู้เริ่มต้น


การเลี้ยงปลาในระบบไบโอฟลอค สามารถเลี้ยงได้ทั้งในถังไฟเบอร์และบ่อผ้าใบ แต่ถังไฟเบอร์จะมีความคงทนกว่าและมีขนาดไม่ใหญ่มาก เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเลี้ยง ใช้พื้นที่ข้างบ้านได้อย่างคุ้มค่าและดูแลง่าย ผู้สูงอายุหรือคนทำงานประจำก็สามารถเลี้ยงได้ เพียงดูแลเรื่องคุณภาพน้ำและการให้อากาศอย่างเหมาะสม
โดยทั่วไป การเลี้ยงปลามักนิยมในบ่อดินซึ่งใช้พื้นที่มาก และการจัดการอาหารอาจไม่สม่ำเสมอ ทำให้เกิดปัญหาในการให้อาหารขาดหรือเกิน ส่งผลต่อสุขภาพปลา การปรับมาเลี้ยงในระบบโรงเรือนจึงช่วยลดการใช้พื้นที่ ดูแลง่ายขึ้น ให้อาหารได้ตรงตามความต้องการ และสามารถควบคุมคุณภาพน้ำได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ปลามีสุขภาพแข็งแรงและปลอดภัยยิ่งขึ้น
การเลี้ยงปลาในถังไฟเบอร์แบบไบโอฟลอคไม่จำเป็นต้องอยู่ในโรงเรือนปิดเสมอไป แต่การเลี้ยงในโรงเรือนปิดจะช่วยลดความเสี่ยงจากสัตว์พาหะ เช่น หนูหรือแมลงที่อาจปนเปื้อนอาหารและเชื้อโรคเข้าสู่ระบบได้ การแยกการเลี้ยงออกจากสิ่งรบกวนเหล่านี้ทำให้ผลผลิตปลามีความปลอดภัยสูง เหมาะกับผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับอาหารที่ปลอดสารปนเปื้อนและได้มาตรฐาน
การเริ่มต้นเลี้ยงปลาในระบบไบโอฟลอค


การเลี้ยงปลาในระบบไบโอฟลอคเมื่อมีการเตรียมพื้นที่และอุปกรณ์ครบถ้วนแล้ว ขั้นตอนแรกคือการเตรียมน้ำ โดยพักน้ำไว้ก่อนใช้งาน จากนั้นเติมกากน้ำตาลและปูนขาวโดโลไมท์เพื่อปรับสมดุลน้ำ ก่อนนำลูกปลามาอนุบาล
สำหรับการเริ่มอนุบาล เช่น ลูกปลาดุกบิ๊กอุย ขนาดประมาณ 2-3 เซนติเมตร จะเลี้ยงในถังไฟเบอร์ โดยให้น้ำมีระดับประมาณ 10 เซนติเมตรในช่วงแรก พร้อมให้อากาศและอาหารที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ น้ำประปาสามารถนำมาใช้ได้ แต่ต้องพักน้ำและเติมอากาศประมาณ 2-3 วัน เพื่อลดคลอรีนซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ลูกปลาอ่อนแอและตายได้ง่าย
ในช่วง 1-30 วันแรก ไม่จำเป็นต้องเพิ่มระดับน้ำสูงเกินไป เพราะอาจทำให้ลูกปลาอ่อนแอได้ เมื่อปลาโตขึ้นจึงค่อยปรับระดับน้ำให้มากขึ้นตามความเหมาะสม การเติมกากน้ำตาลและปูนโดโลไมท์แนะนำให้ใช้ในอัตราประมาณ 100 กรัม ผสมน้ำให้ละลายก่อนเติมลงในระบบ โดยกากน้ำตาลจะเป็นแหล่งคาร์บอนช่วยให้แบคทีเรียย่อยสลายของเสียอย่างต่อเนื่อง ส่วนปูนโดโลไมท์ช่วยควบคุมความเป็นกรด-ด่างและรักษาคุณภาพน้ำให้เหมาะแก่การเลี้ยงปลา ซึ่งหลังจากทีเลี้ยงปลาไปแล้วและมีการขับถ่ายจองเสีย สีของน้ำจะเข้มขึ้น แสดงว่าระบบการเลี้ยงแบบไบโอฟลอคสมบูรณ์แบบ
ระบบไบโอฟลอคสามารถเลี้ยงปลาอะไรได้บ้าง


ปัจจุบันการเลี้ยงปลาในระบบไบโอฟลอคของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีมุ่งเน้นการเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุย ปลาหมอไทย และปลานิล ซึ่งเป็นปลาเศรษฐกิจหลักของประเทศ และล่าสุดได้มีการทดลองเลี้ยงปลา ชะโอน สำเร็จแล้ว แสดงให้เห็นว่าปลาเศรษฐกิจน้ำจืดส่วนใหญ่สามารถนำมาเลี้ยงในระบบไบโอฟลอคได้เกือบทุกชนิด
โดยทั่วไป อัตราการเติบโตของปลาน้ำจืดไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ปัจจัยสำคัญจะขึ้นอยู่กับการจัดการระบบและการดูแลของผู้เลี้ยง หากเลี้ยงในบ่อดิน อาจใช้เวลาประมาณ 2 เดือนเพื่อให้ปลาโตได้ราว 100 กรัมต่อตัว แต่เมื่อเลี้ยงในถังไฟเบอร์ภายในโรงเรือน พร้อมควบคุมระบบที่เหมาะสม ก็สามารถทำให้น้ำหนักปลาเติบโตได้ในระดับเดียวกันหรือดียิ่งกว่า จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อย่างชัดเจน
ต้นทุนอาหารและการจัดการคุณภาพน้ำในระบบไบโอฟลอค


ต้นทุนหลักของการเลี้ยงปลาน้ำจืดไม่ว่าจะเป็นในบ่อดินหรือโรงเรือน มักมาจากค่าอาหารคิดเป็นกว่า 80-90% ของต้นทุนทั้งหมด ดังนั้นการให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสมและมีคุณภาพจึงเป็นปัจจัยสำคัญ ทั้งช่วยให้ปลาเติบโตได้ดี และสามารถลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับการเลี้ยงปลาในระบบไบโอฟลอค หัวใจสำคัญคือการจัดการคุณภาพน้ำ ซึ่งไม่สามารถประเมินด้วยสายตาเพียงอย่างเดียว จึงจำเป็นต้องมีการตรวจวัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ส่งผลให้ปลาแข็งแรง กินอาหารได้ดี และเติบโตเร็ว
ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้นำระบบ IoT พร้อมเซนเซอร์มาตรวจวัดคุณภาพน้ำแบบเรียลไทม์ ทั้งระดับออกซิเจน ความเป็นกรด-ด่าง และอุณหภูมิของน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามทุกวัน โดยเกิดจากความร่วมมือระหว่างคณะเกษตรศาสตร์และคณะวิศวกรรมศาสตร์ เพื่อพัฒนาระบบจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและตอบสนองการผลิตเชิงพาณิชย์ได้อย่างเหมาะสม
การแปรรูปเพิ่มมูลค่าจากการเลี้ยงปลาในระบบไบโอฟลอค


เมื่อได้ผลผลิตปลาที่มีคุณภาพจากระบบไบโอฟลอค ซึ่งเป็นการเลี้ยงในโรงเรือนปิด สะอาด ควบคุมมาตรฐานได้อย่างดี จึงสามารถนำมาต่อยอดเพิ่มมูลค่าผ่านการแปรรูป เช่น
– ปลาดุกหั่นแว่น / ปลาดุกบั้ง / ปลาดุกเนื้อล้วน พร้อมปรุงอาหารได้ทันที ทั้งแบบปรุงรสและไม่ปรุงรส
– ปลานิลแดดเดียวแพ็คสูญญากาศ
การแปรรูปเหล่านี้ช่วยยืดอายุการเก็บรักษา เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค สะดวกในการนำไปประกอบอาหาร สร้างรายได้ที่คุ้มค่ากว่า และเป็นแนวทางเพิ่มมูลค่าผลผลิตที่ตอบโจทย์ตลาดยุคใหม่
ศูนย์เรียนรู้ไบโอฟลอค ม.อุบลฯ ต้นแบบสู่การพัฒนาการเลี้ยงปลาอย่างยั่งยืน


ปัจจุบัน คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ระบบการเลี้ยงปลาไบโอฟลอค โดยมีภาครัฐ ภาคเอกชน และวิสาหกิจชุมชนเข้ามาศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีการจัดหลักสูตรอบรมระยะสั้น ทั้งแบบ Onsite และ Online เพื่อให้ความรู้พื้นฐานแก่ผู้ที่ต้องการเริ่มต้นเลี้ยงปลาในระบบนี้
การเลี้ยงปลาในระบบไบโอฟลอค ปลาจะมีการเจริญเติบโตไม่เท่ากันทุกตัว จึงต้องมีการคัดขนาดแยกปลาที่มีความพร้อมออกจำหน่ายก่อน ส่วนปลาขนาดเล็กและขนาดกลางจะเลี้ยงต่อจนได้ตามความต้องการของตลาด ซึ่งเป็นการบริหารจัดการผลผลิตให้เกิดความต่อเนื่องและเพิ่มโอกาสทำกำไรสูงขึ้น
สำหรับผู้สนใจ การเริ่มต้นเลี้ยงปลาในระบบไบโอฟลอคไม่ใช่เรื่องยาก ทุกคนสามารถทำได้ โดยควรเริ่มจากขนาดเล็ก เช่น เลี้ยงในถังไฟเบอร์ 1-2 ถังก่อน เพื่อทดลองเรียนรู้ระบบและสะสมประสบการณ์ พร้อมจัดเตรียมถังสำรองน้ำ ระบบน้ำ และระบบอากาศ เมื่อมีความชำนาญมากขึ้นจึงค่อยเพิ่มการผลิตตามกำลังและพื้นที่
ปัจจุบันมีเกษตรกรและผู้ประกอบการจากหลายภูมิภาค ทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ได้นำองค์ความรู้ไปพัฒนาการเลี้ยงและประสบความสำเร็จ สามารถทยอยจำหน่ายปลาได้อย่างต่อเนื่องและเพียงพอกับความต้องการของตลาด ขายได้โดยตรงจากหน้าบ้าน ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ทำให้ได้ราคาที่ดีกว่าและสร้างรายได้อย่างมั่นคงจากพื้นที่ของตนเอง
สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาการเลี้ยงปลาในระบบไบโอฟลอค สามารถติดต่อเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
Facebook : กลุ่มปลาดุกคุณภาพดี มีโอเมกา3
………………………………………
เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกษตรเพิ่มเติมได้ที่ :
𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸: เกษตรสัญจร
𝗬𝗼𝘂𝗧𝘂𝗯𝗲: youtube.com/c/Kasetsanjorn
𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸: tiktok.com/@kasetsanjorn
𝗦𝗵𝗼𝗽𝗲𝗲: shopee.co.th/kasetsanjorn
𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗢𝗳𝗳𝗶𝗰𝗶𝗮𝗹: @kasetsanjorn
𝗕𝗹𝗼𝗰𝗸𝗱𝗶𝘁: blockdit.com/kasetsanjorn/
𝗧𝘄𝗶𝘁𝘁𝗲𝗿: twitter.com/kasetsanjorn/
𝗪𝗲𝗯𝘀𝗶𝘁𝗲: kasetsanjorn.com







