ปลูกพืชลงดิน กับพืชไร้ดิน (ไฮโดรโปนิกส์) แบบไหนดีกว่ากัน
การปลูกพืชแบบไร้ดิน หรือ “ไฮโดรโปนิกส์” กำลังเป็นที่นิยม แต่มีข้อดี-ข้อเสียยังไงบ้าง คุ้มหรือไม่ถ้าจะลอง เกษตรสัญจรมีคำตอบ…
ช่วงนี้เกษตรสัญจรมองเห็นว่าการปลูกพืชแบบไร้ดิน หรือ “ไฮโดรโปนิกส์” กำลังเป็นที่นิยม เลยอยากจะมาแชร์กันสักหน่อย ว่าที่จริงแล้ว การปลูกแบบลงดิน และไร้ดินนั้นมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง เผื่อทุกคนจะได้นำความเข้าใจนี้ ไปตัดสินใจลงมือทำการเกษตรให้เหมาะสมกับตัวเองได้ง่ายขึ้น
การปลูกพืชลงดินคืออะไร
การปลูกพืชแบบลงดินนั้นถือเป็นการปฏิบัติแบบดั้งเดิมที่เป็นระเบียบ สามารถเลือกสถานที่ บำรุงดิน ปลูกเมล็ด รดน้ำ รวมไปถึงต้องกำจัดวัชพืชอยู่บ่อยครั้ง และหากมีวันที่ดินแห้งแล้งมากเกินไป ก็ต้องคอยรดน้ำผักด้วยสายยางสำหรับทำสวนหรือถังน้ำ เพื่อดูแลให้นั้นผักเติบโต
ข้อดี/ข้อเสีย
ข้อดี
- ขั้นตอนในการปลูกเรียบง่าย
- ประหยัดต้นทุนกว่า
ข้อเสีย
- ต้องดูแลและคอยปรับสภาพหน้าดิน ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงดิน ยกร่อง และอื่นๆ
- การปลูกพืชบนดินต้องอาศัยฤดูกาลที่เหมาะสม
- มีศัตรูพืชก่อกวนมากกว่า
- พืชที่ปลูกในดินจะเติบโตช้ากว่า
การปลูกพืชไร้ดิน หรือ ไฮโดรโปนิกส์คือ
การปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์นั้น จะเป็นการปลูกแบบไร้ดิน โดยใช้น้ำเป็นส่วนประกอบหลัก
มักจะปลูกในบ้าน ในรุปแบบฟาร์มแบบแนวตั้ง หรือในพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัด โดยจะต้องอาศัยการควบคุมปัจจัยภายนอก เช่น แสง อุณหภูมิ และความชื้นด้วย และถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ค่อยข้างใหม่ แต่การปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์นั้น สามารถช่วยในเรื่องการประหยัดน้ำได้มาก รวมไปถึงสามารถเติบโตได้เร็วกว่าและให้ผลผลิตได้มากกว่าการปลูกแบบลงดิน เพราะสามารถเข้าถึงสารอาหารที่ต้องการได้โดยตรงอีกด้วย
ข้อดี/ข้อเสีย
ข้อดี
- ควบคุมการใช้ธาตุอาหารของพืชได้ง่ายกว่าการปลูกลงดิน
- ลงค่าแรงงาน เนื่องจากการปลูกในระบบการปลูกไฮโดรโปนิกส์ ไม่ต้องมีการเตรียมแปลงปลูกขนาดใหญ่ จึงไม่ต้องจ่ายค่ารถไถเพื่อเตรียมดิน ดูแลหน้าดิน ค่ากำจัดวัชพืช รวมไปถึงการใส่ปุ๋ยและยกร่อง
- ความสม่ำเสมอของการให้น้ำ เนื่องจากการทำงานเป็นระบบจึงมีการหมุนเวียนของน้ำอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งระบบไฮโดรโปนิกส์จะประหยัดน้ำกว่าการให้น้ำกับพืชที่ปลูกทางดินไม่น้อยกว่า 10 เท่า ซึ่งจะมีผลทำให้การปลูกพืชในฤดูแล้ง หรือนอกฤดูปลูกปกติในดิน สามารถทำได้โดยมีผลตอบแทนสูงกว่า
- ควบคุมโรคในดินได้ง่าย
- ปัญหาศัครูพืชน้อยลง
- ได้ผลผลิตที่สม่ำเสมอและคุณภาพที่ดีกว่า
- สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปีเพราะผู้ปลูกจะควบคุมอุณหภูมิ แสง และธาตุอาหารได้
ข้อเสีย
- ลงทุนสูงในระยะแรก
- ต้องจัดการดูแลในเรื่องของระบบเป็นอย่างดี เช่น ไฟ ปั๊มน้ำ พัดลม เป็นต้น
- ต้องคอยระวังโรคที่เกิดจากน้ำ
- ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของชนิดพืชที่สามารถปลูกได้
- ต้องหมั้นควบคุมรักษาค่า pH และ EC อย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้จากการศึกษาโดยมหาวิทยาลัยเนวาดา เมืองรีโน ประเทศศหรัฐอเมริกา ได้มีข้อมูลการเปรียบเทียบระบบไฮโดรโปนิกส์กับการปลูกแบบลงดิน สำหรับการปลูกสตรอเบอรี่ พบว่าสตรอว์เบอร์รีไฮโดรโปนิกส์ให้ผลผลิตสูงขึ้น 17% เมื่อเทียบกับสตรอว์เบอร์รีที่ปลูกในดิน อีกทั้งกรณีศึกษาอื่นๆ ยังพบว่าพืชในระบบไฮโดรโปนิกส์สามารถให้ผลผลิตสูงกว่าการปลูกลงดิน 20-25% ที่ให้ผลผลิตสูงกว่า 2-5 เท่า
เอาล่ะ…ขอสรุปง่ายๆ ว่าระหว่างการปลูกพืชไร้ดินและการปลูกพืชลงดินนั้นเป็นความชอบส่วนบุคคลนะ ซึ่งไฮโดรโปนิกส์เป็นการให้ปลูกพืชในร่มและประหยัดน้ำได้ แต่มีราคาแพงกว่าและเรียนรู้ได้ยากกว่า ส่วนการทำแปลงปลูกพืชแบบลงดิน ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจและไม่ต้องใช้ต้นทุนที่ราคาแพงในการลงมือทำครั้งแรก แต่ก็มาพร้อมกับข้อเสียของการควบคุมศัตรูพืชและสภาพอากาศที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
สุดท้ายไม่มีแบบทฤษฎีไหนที่ถูกหรือผิด และไม่ว่าทุกคนจะเลือกระบบไฮโดรโปนิกส์หรือปลูกแบบลงดิน ทุกคนก็จะได้รับประโยชน์จากผักที่ปลูกเองด้วยกันทั้งนั้น และผลิตที่ดีก็น่าจะเป็นคำตอบที่สำคัญ และเป็นความสำเร็จของการเป็นเกษตรกร
.
ขอบคุณข้อมูลจาก : มูลนิธิโครงการหลวง
https://en.wikipedia.org/wiki/Hydroponics
https://www.trees.com/gardening-and-landscaping/advantages-disadvantages-of-hydroponics
http://naes.agnt.unr.edu/PMS/Pubs/309_2017_03.pdf
เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกษตรเพิ่มเติมได้ที่ :
Facebook : เกษตรสัญจร
YouTube : youtube.com/c/Kasetsanjorn
Twitter : twitter.com/kasetsanjorn/
Website : kasetsanjorn.com
#เกษตรสัญจร #สื่อเกษตรยุคใหม่ #ศูนย์รวมความรู้เพื่อเกษตรกร #ปลูกพืชไร้ดิน #ไฮโดรโปนิกส์ #ปลูกพืชลงดิน