ระบบราก คือหัวใจสำคัญของพืช หากรากพังพืชก็ยืนต้นไม่ไหว ไม่ว่าจะใส่ปุ๋ยดีแค่ไหน พรวนดินบ่อยแค่ไหน พืชก็ไม่อาจเจริญเติบโตได้หากระบบรากถูกทำลาย หนึ่งในภัยเงียบที่มักแอบเข้ามาทำลายพืชโดยไม่ทันตั้งตัวก็คือ โรครากเน่า ซึ่งมักเกิดจากเชื้อรา ดินแฉะ หรือสภาพแวดล้อมที่อับชื้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ความชื้นสูงติดต่อกันหลายวันแม้จะเป็นโรคที่พบได้บ่อย แต่หากรู้เท่าทันและสังเกตอาการตั้งแต่ระยะแรก ก็สามารถป้องกันและแก้ไขได้ทันเวลา
ต่อไปนี้คือ 5 สัญญาณเตือน “พืชรากเน่า” ที่ควรรู้ไว้ ก่อนจะสายเกินแก้ครับ
.
- ใบเหลืองซีดทั้งต้น แต่ไม่เหี่ยวเฉาทันที
หนึ่งในสัญญาณเริ่มต้นของโรครากเน่าคือใบของพืชเริ่มซีดเหลืองอย่างผิดปกติ แม้จะได้รับน้ำอย่างเพียงพอก็ตาม อาการนี้มักเกิดจากรากที่เริ่มเน่าเสียจนไม่สามารถดูดน้ำและธาตุอาหารไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ บางครั้งอาจสังเกตเห็นใบเหลืองเฉพาะบางจุด เช่น ใบล่างหรือปลายใบ ซึ่งไม่ควรละเลย หากพบว่าพืชต้นอื่นในแปลงได้รับการดูแลแบบเดียวกันแต่ไม่เกิดอาการ ให้ตั้งข้อสงสัยว่าพืชต้นนั้นอาจกำลังเผชิญปัญหาที่ระบบราก
.
- ลำต้นช่วงโคนเริ่มเน่า หรือมีรอยช้ำสีน้ำตาล
อีกหนึ่งอาการที่มักพบในพืชที่รากเริ่มเน่าคือบริเวณโคนต้นใกล้ผิวดินจะมีรอยช้ำ สีน้ำตาลเข้ม หรือเริ่มเน่าเสีย ซึ่งอาการมักเริ่มต้นจากจุดที่ติดกับพื้นดิน แล้วค่อย ๆ ลุกลามขึ้นมาสู่ลำต้นด้านบน หากลองกดดูจะรู้สึกว่าเนื้อเยื่อนิ่ม ยุบ หรือเยิ้มผิดปกติ บางกรณีอาจเห็นเชื้อราเป็นใยสีขาวหรือจุดดำคล้ายสปอร์ขึ้นตามผิวต้น วิธีลดความเสี่ยงคือการใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราไตรโครเดิร์มา คลุกดินหรือราดโคนต้นหลังฝน เพื่อช่วยยับยั้งเชื้อสาเหตุในดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
- รากพืชเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลดำ เปื่อยยุ่ย และมีกลิ่นไม่พึงประสงค์
รากที่มีสุขภาพดีจะมีสีขาวนวลหรือนวลครีม เมื่อตัดแล้วจะมีน้ำเลี้ยงไหลออกมา แต่หากรากเกิดการเน่าเสีย จะเปลี่ยนเป็นสีดำหรือน้ำตาลเข้ม เนื้อรากจะเปื่อยยุ่ยและหลุดล่อนง่าย พร้อมกับมีกลิ่นเหม็นเน่าที่เกิดจากการย่อยสลายของเชื้อราและจุลินทรีย์ที่ก่อโรค วิธีตรวจสอบคือการผ่ารากดูหรือถอนต้นอ่อนขึ้นมาตรวจดูรากฝอยอย่างละเอียด
.
- พืชโตช้าผิดปกติ ใบร่วงง่าย
พืชโตช้าผิดปกติ ใบร่วงง่าย แม้ได้รับปุ๋ยและแสงเพียงพอ แต่ต้นยังไม่เจริญเติบโต เนื่องจากรากได้รับความเสียหาย ส่งผลให้พืชเข้าสู่ภาวะประคองชีวิต การฟื้นฟูควรตัดรากที่เน่าเสียออก และใช้ฮอร์โมนเร่งราก เช่น IBA หรือสารกระตุ้นจุลินทรีย์ เพื่อช่วยให้รากฟื้นตัวและต้นพืชกลับมางอกงามอีกครั้ง
.
- กลิ่นเปรี้ยวหรือเหม็นจากดินหรือโคนต้นเกิดจากภาวะดินขาดอากาศ
ซึ่งทำให้เชื้อราที่เป็นอันตรายเจริญเติบโต รวมทั้งเกิดการสะสมของแบคทีเรียเน่าเสียและอินทรียวัตถุที่ย่อยสลายไม่สมบูรณ์ การจัดการควรเน้นการคลุมดินด้วยวัสดุอย่างแกลบดิบหรือฟางในปริมาณพอเหมาะ เพื่อป้องกันความชื้นสะสมเกินไปและช่วยรักษาสภาพดินให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช
.
เทคนิคป้องกัน-ฟื้นฟูโรครากเน่า แบบไม่ใช้สารเคมี
- การใช้เชื้อราดีอย่าง “ไตรโคเดอร์มา” โดยนำไปคลุกเมล็ดพันธุ์ ใส่รอบโคนพืชในช่วงปลูก หรือผสมกับดินปลูกและหมักร่วมกับปุ๋ยคอก เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้รากและลดการเกิดโรครากเน่าอย่างได้ผล
.
- ปรับปรุงดินให้โปร่ง ระบายน้ำได้
การป้องกันโรครากเน่าแบบไม่ใช้สารเคมีควรเริ่มจากการปรับปรุงดินให้มีความโปร่งและระบายน้ำได้ดี โดยเฉพาะดินเหนียวที่ควรผสมวัสดุอินทรีย์อย่างแกลบดำ ขี้เถ้าแกลบ ขี้เลื่อย หรือฟางแห้ง พร้อมกับการขุดดินลึกอย่างน้อย 30 เซนติเมตรก่อนการปลูกพืชเศรษฐกิจ และในพื้นที่ลุ่มควรยกร่องแปลงหรือปลูกในกระบะยกสูงเพื่อป้องกันน้ำขังและลดความเสี่ยงของโรครากเน่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
- ควรตรวจสุขภาพดินเป็นประจำทุก 4–6 เดือน
โดยใช้ชุดทดสอบวัดความเป็นกรด-ด่าง (pH) และปริมาณอินทรียวัตถุ โดยดินควรมีค่า pH อยู่ในช่วง 5.5–7.0 หากดินมีความเป็นกรดสูง ควรปรับปรุงด้วยการใส่ปูนขาวหรือโดโลไมต์ในอัตราที่เหมาะสม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการเจริญเติบโตของพืชและช่วยป้องกันโรครากเน่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
- หลีกเลี่ยงน้ำขังรอบโคนต้น
ควรหลีกเลี่ยงน้ำขังบริเวณโคนต้นและงดรดน้ำบ่อยเกินไปโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน พร้อมทั้งหมั่นตรวจสอบบริเวณที่น้ำมักจะขัง เช่น ปลายร่อง ควบคู่ไปกับการใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงในรูปน้ำหมักเพื่อช่วยย่อยสลายเศษรากที่ตายแล้ว ลดความเสี่ยงของโรครากเน่าและส่งเสริมสุขภาพของดินอย่างยั่งยืน
.
โรครากเน่าเป็นศัตรูเงียบที่สามารถป้องกันได้ หากเริ่มสังเกตอาการเบื้องต้นทั้ง 5 ข้อนี้อย่างทันท่วงที พร้อมกับใช้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์และดูแลสภาพดินให้อยู่ในสภาวะเหมาะสม พืชก็จะมีสุขภาพดี แข็งแรง และผลผลิตจะไม่ลดลงครับ
………………………………………
เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกษตรเพิ่มเติมได้ที่ :
𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸: เกษตรสัญจร
𝗬𝗼𝘂𝗧𝘂𝗯𝗲: youtube.com/c/Kasetsanjorn
𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸: tiktok.com/@kasetsanjorn
𝗦𝗵𝗼𝗽𝗲𝗲: shopee.co.th/kasetsanjorn
𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗢𝗳𝗳𝗶𝗰𝗶𝗮𝗹: @kasetsanjorn
𝗕𝗹𝗼𝗰𝗸𝗱𝗶𝘁: blockdit.com/kasetsanjorn/
𝗧𝘄𝗶𝘁𝘁𝗲𝗿: twitter.com/kasetsanjorn/
𝗪𝗲𝗯𝘀𝗶𝘁𝗲: kasetsanjorn.com