• หน้าหลัก
  • ร้านค้า
  • เข้าสู่ระบบเรียนออนไลน์
  • หลักสูตรอบรม
  • เกี่ยวกับเรา
  • เงื่อนไขและนโยบายข้อมูลส่วนบุคลล (PDPA)
เกษตรสัญจร - Kasetsanjorn
ADVERTISEMENT
  • หน้าหลัก
  • ข่าวเกษตร
  • บทความ
    • เกษตรเคล็ดลับ
    • สมาร์ทฟาร์ม
    • เกษตรกูรู
    • พืชเศรษฐกิจใหม่
    • เกษตรกรหญิง
  • ร้านค้า
  • หลักสูตรอบรม
  • เข้าสู่ระบบเรียนออนไลน์
  • เกี่ยวกับเรา
    • Contact Us
    • เงื่อนไขและนโยบายข้อมูลส่วนบุคลล (PDPA)
No Result
View All Result
  • หน้าหลัก
  • ข่าวเกษตร
  • บทความ
    • เกษตรเคล็ดลับ
    • สมาร์ทฟาร์ม
    • เกษตรกูรู
    • พืชเศรษฐกิจใหม่
    • เกษตรกรหญิง
  • ร้านค้า
  • หลักสูตรอบรม
  • เข้าสู่ระบบเรียนออนไลน์
  • เกี่ยวกับเรา
    • Contact Us
    • เงื่อนไขและนโยบายข้อมูลส่วนบุคลล (PDPA)
No Result
View All Result
เกษตรสัญจร
No Result
View All Result
Home ยังสามารถ

Biodynamic Agriculture  เกษตรแบบเกื้อกูลกับธรรมชาติ

โมเดลเกษตรที่มากกว่าการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์

เกษตรสัญจรออนไลน์ by เกษตรสัญจรออนไลน์
เมษายน 22, 2025
in ยังสามารถ
0
Biodynamic Agriculture   เกษตรแบบเกื้อกูลกับธรรมชาติ
0
SHARES
9
VIEWS
Share on FacebookShare on TwitterShare on LINE
ADVERTISEMENT

 

 

เกษตรเกื้อกูล โมเดลเกษตรที่เติบโตร่วมกับธรรมชาติ

“เกษตรเกื้อกูล” คือ แนวคิดทางการเกษตรที่เน้นการเกื้อกูลกันระหว่าง มนุษย์-ธรรมชาติ-ชุมชน โดยไม่มุ่งหวังแค่ผลผลิตหรือรายได้เป็นหลัก แต่เน้นการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุล ยั่งยืน และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันในระบบนิเวศและสังคม

 

หลักการของเกษตรเกื้อกูลได้แก่

  1. เกื้อกูลธรรมชาติ ใช้วิธีเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ที่ไม่ทำลายดิน น้ำ หรือป่า เช่น การปลูกพืชหมุนเวียน ใช้ปุ๋ยชีวภาพ เลี้ยงสัตว์แบบปล่อยธรรมชาติ
  2. เกื้อกูลชีวิต ผลผลิตที่ได้ไม่แต่เลี้ยงตนเองแต่ยังแบ่งปันชุมชน หรือช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิต เช่น มีผักปลอดภัยกิน มีเวลาพักผ่อน มีสุขภาพดี
  3. เกื้อกูลกันในชุมชน เชื่อมโยงเครือข่ายเกษตรกร แลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ อุปกรณ์ หรือองค์ความรู้ สนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น
  4. ลดการพึ่งพาจากภายนอก พยายามพึ่งตนเองมากที่สุด ไม่ขึ้นอยู่กับสารเคมีหรือระบบการค้าแบบอุตสาหกรรม
  5. รักษาความสมดุล ระหว่างการผลิต การใช้ทรัพยากร และความต้องการของชีวิต ทั้งในระดับบุคคลครอบครัว และสิ่งแวดล้อม

ด้วยแนวคิดและแรงบันดาลใจของเกษตรกรทั้งสอง ได้แก่

 

 

อรวริน โชติธรรม (เดียร์ )

เจ้าของ WARYN silvan space และ VANYA

นักเกษตรไบโอไดนามิก ที่บริหารพื้นที่ให้เกิดระบบนิเวศที่สมดุล ไม่เพียงแค่ปลูกพืชแต่ยังช่วยป้องกันไฟป่า และพัฒนาที่ดินให้เกิดการท่องเที่ยว

 

 

 

ลภัสรดา โพนะตะ (อิ๊ฟ )

เจ้าของ LaphasRada และ VANYA

ผู้เชี่ยวชาญด้านแมลง ที่มองว่าแมลงไม่ใช่ศัตรูพืช แต่เป็นกุญแจสำคัญของระบบเกษตรอินทรีย์ อีกทั้งยังส่งเสริมดอกไม้กินได้ ไม่ใช่เพียงเพื่อความสวยงาม แต่เป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้ฟาร์มสมบูรณ์

นี่คือตัวอย่างของ เกษตรยุคใหม่ ที่มองไกลกว่าการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างระบบที่เกื้อกูลกัน ให้ทุกชีวิตเติบโตไปด้วยกัน 

 

 

พาเจาะลึกแนวคิดเกษตรเกื้อกูลกับธรรมชาติผ่านมุมมองของคุณอีฟ

หัวใจสำคัญของ เกษตรเกื้อกูลกับธรรมชาติ คือการสร้างระบบที่สมดุล โดยมีแมลงเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยให้ทุกอย่างเชื่อมโยงกันอย่างลงตัว ที่ฟาร์มของ คุณอีฟ จุดเริ่มต้นของระบบนิเวศที่สมบูรณ์มาจาก ดอกไม้ ซึ่งดึงดูดแมลงให้เข้ามาโดยธรรมชาติ เกษตรกรเพียงแค่สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และปล่อยให้ธรรมชาติทำงานของมันเอง

ภายในสวนมีพืชพรรณหลากหลาย ทั้ง ดอกไม้ ผลไม้ และพืชหายาก เช่น มะละกอ ฝรั่ง เลมอน และกำยานโอมาน ซึ่งแต่ละชนิดทำหน้าที่ของมัน ไม่เพียงให้ผลผลิตเท่านั้น แต่ยังช่วยดึงดูดแมลงให้เข้ามามีบทบาทสำคัญ ตั้งแต่การผสมเกสรไปจนถึงการกระตุ้นให้ต้นไม้พัฒนาความแข็งแกร่ง

แมลงบางชนิดกัดกินใบพืช แต่กลับช่วยให้ต้นไม้แข็งแรงขึ้น เพราะธรรมชาติมีกลไกป้องกันตัวเอง ต้นไม้ที่ถูกกัดกินจะพัฒนาภูมิต้านทานเพื่อป้องกันตัวเองจากการถูกทำลายในครั้งต่อไป ทำให้ต้นไม้มีความแข็งแรงขึ้นและทนทานต่อแมลงมากขึ้น เมื่อแมลงพบว่าต้นไม้นั้นแข็งแรงเกินไป พวกมันก็จะไปเลือกต้นที่อ่อนแอกว่าแทน นี่คือ กระบวนการคัดสรรตามธรรมชาติ

ปัจจุบัน เกษตรกรจำนวนมากใช้สารเคมีกำจัดแมลง ซึ่งส่งผลเสียต่อทั้งแมลงที่มีประโยชน์และพืชในฟาร์ม ทำให้ระบบนิเวศสูญเสียสมดุล เมื่อแมลงถูกทำลาย วัฏจักรธรรมชาติถูกขัดขวาง ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)

คุณอีฟเชื่อว่า การรักษาแมลงคือการรักษาสมดุลของธรรมชาติ ฟาร์มที่เกื้อกูลกับธรรมชาติควรหลีกเลี่ยงสารเคมี และใช้วิธีธรรมชาติในการจัดการแมลง ปล่อยให้ระบบนิเวศปรับตัวเอง ซึ่งจะทำให้ทั้งพืช แมลง และเกษตรกรอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

 

 

แรงบันดาลใจจากเทือกเขาหิมาลัย 

คุณอีฟได้รับแรงบันดาลใจจากการเดินทางไปประเทศอินเดีย และได้สัมผัสบรรยากาศของ ไร่ชาดาร์จิลิ่ง บนเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในไร่ชาที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลก สิ่งที่ทำให้ชาจากที่นี่มี รสชาติอร่อยและเป็นเอกลักษณ์ คือ ความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะบทบาทของแมลง หลังจากที่หิมะละลาย แมลงจะออกมาหากินและบางส่วนจะกัดกินใบชา ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ต้นชา สร้างสารต้านทานตามธรรมชาติ ส่งผลให้รสชาติของชามีมิติที่ลึกซึ้งและหอมเข้มข้นมากขึ้น

อีกหนึ่งจุดสำคัญที่คุณอีฟสังเกตเห็นคือ ไร่ชาที่นี่ใช้แนวทาง Biodynamic Farming ซึ่งเป็นการทำเกษตรที่บริสุทธิ์และสะอาดที่สุด โดยอาศัยความสมดุลของระบบนิเวศตามธรรมชาติ ไม่มีการใช้สารเคมี และให้สิ่งแวดล้อมดูแลตัวเอง นำแรงบันดาลใจกลับมาสร้างสวนดอกไม้ที่สมดุล

 

หลังจากกลับมาจากอินเดีย คุณอีฟได้นำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้กับสวนของตัวเอง โดย สร้างพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้แมลงมีบทบาทตามธรรมชาติ แทนที่จะมองว่าแมลงเป็นศัตรูพืช เลือกที่จะปล่อยให้แมลงกัดกินดอกไม้และพืชบางส่วน เพราะเชื่อว่า แมลงช่วยกระตุ้นให้พืช สร้างภูมิต้านทานธรรมชาติ แมลงช่วยผสมเกสร เพิ่มความหลากหลายของพืช

การปล่อยให้แมลงทำงานเอง ช่วยสร้างระบบนิเวศที่สมดุล นี่คือแนวคิดของคุณอีฟที่เชื่อว่า “ธรรมชาติสามารถดูแลตัวเองได้ หากเราเข้าใจและปล่อยให้มันเป็นไปตามวิถีของมัน” 

 

 

การแปรรูปดอกไม้ เพิ่มมูลค่าจากธรรมชาติสู่ผลิตภัณฑ์คุณภาพ


คุณอีฟได้นำกลีบกุหลาบจากฟาร์มมาแปรรูปเป็น น้ำกลั่นกุหลาบ (Rose Hydrosol) โดยใช้กระบวนการสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย ซึ่งต้องผ่านขั้นตอนหลายกระบวนการก่อนจะได้น้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ออกมา กระบวนการนี้มีความซับซ้อนและต้องใช้วัตถุดิบจำนวนมาก โดยกลีบกุหลาบ 3 กิโลกรัม สามารถกลั่นได้น้ำกลั่นกุหลาบประมาณ 10 ลิตร ทำให้ผลิตภัณฑ์มีมูลค่าสูง

แนวคิดการแปรรูปนี้เกิดจากการที่ฟาร์มเคยผลิต ชากุหลาบแห้ง ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้า เมื่อเห็นโอกาสในการต่อยอดผลิตภัณฑ์ จึงพัฒนาไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถดูแลทั้งสุขภาพและความงาม ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์สำหรับบริโภคไปจนถึงการใช้งานในชีวิตประจำวัน นับเป็นการยืดอายุวัตถุดิบและยกระดับมูลค่าของดอกไม้ได้อย่างลงตัว 

 

 

เส้นทางสู่เกษตรอินทรีย์ของคุณเดียร์ เริ่มต้นจากความฝันสู่ความยั่งยืน

คุณเดียร์ เริ่มต้นการทำเกษตรจากความต้องการอยู่กับธรรมชาติ และสร้างพื้นที่ที่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ก่อนลงมือทำคุณเดียร์ได้ศึกษาก่อนว่าแนวทางเกษตรแบบใดที่เหมาะสมกับตัวเอง ทั้งในแง่ของความสุขและการใช้ชีวิต จนพบว่าการทำ เกษตรอินทรีย์และปลูกป่าผสมผสาน เป็นแนวทางที่ตอบโจทย์

ก่อนจะเริ่มพัฒนา คุณเดียร์ให้ความสำคัญกับการศึกษาพื้นที่ โดยพิจารณาสภาพแวดล้อมโดยรวม เช่น ลักษณะของดินและภูมิประเทศ ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปี และความสามารถในการกักเก็บน้ำของพื้นที่ เมื่อเข้าใจพื้นที่แล้ว จึงเลือกวิธีการเก็บน้ำแบบธรรมชาติ โดยใช้ บ่อน้ำซับ ซึ่งเป็นการขุดบ่อน้ำให้ลึกถึงชั้นดินที่สามารถซับน้ำจากใต้ดินขึ้นมาใช้ได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเสริมระบบ จ่ายน้ำอัตโนมัติบางส่วน เพื่อให้การจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

เนื่องจากในพื้นที่มักจะประสบปัญหาไฟป่าทุกปี คุณเดียร์จึงสร้างแนวกันไฟแบบถาวรโดยใช้คลองลม นอกจากนี้ยังใช้แนวคิด Zero Waste ในการดูแลดิน โดยนำใบไผ่จากภูเขามาคลุมดิน ช่วยรักษาความชื้น และใช้หญ้าที่ตัดมาเป็นวัสดุคลุมดิน ลดการสูญเสียหน้าดินและเพิ่มสารอาหารให้กับดิน

นี่คือแนวคิดของคุณเดียร์ ที่มุ่งมั่นพัฒนาพื้นที่ให้เป็นมากกว่าฟาร์ม แต่เป็นระบบนิเวศที่ยั่งยืนและสามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมดุล 

 

 

เลี้ยงผึ้งชันโรงแบบธรรมชาติ สร้างความสมดุลให้ฟาร์มและสุขภาพ

คุณเดียร์เริ่มต้นเลี้ยงผึ้งชันโรง จากความสนใจส่วนตัวเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของ น้ำผึ้งชันโรง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่อง การเสริมภูมิคุ้มกัน และช่วยปรับสมดุลให้ร่างกาย ด้วยคุณสมบัติที่อุดมไปด้วย ฟลาโวนอยด์และแร่ธาตุสำคัญ จึงเริ่มศึกษาข้อมูลอย่างจริงจัง

นอกจากน้ำผึ้งแล้ว ชันโรงยังเป็นแมลงผสมเกสรที่มีประสิทธิภาพสูง โดยสามารถผสมเกสรได้ทั้ง ดอกไม้ขนาดเล็ก ดอกหญ้า และยอดอ่อนของสมุนไพร ซึ่งเป็นสิ่งที่แมลงผสมเกสรชนิดอื่นอาจเข้าไม่ถึง

คุณเดียร์เลือกเลี้ยง ชันโรงขนเงิน (Tetragonula pegdeni Schwarz) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบได้ในไทยและ สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศของพื้นที่ได้ดี ช่วยให้การเลี้ยงเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องใช้สารเคมีหรือการดูแลที่ซับซ้อนมาก

นอกจาก ชันโรงขนเงิน (Tetragonula pegdeni Schwarz) แล้ว คุณเดียร์ยังเลือกเลี้ยง ชันโรงปากหมู (Geniotrigona thoracica) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มี ขนาดใหญ่กว่าและสามารถบินหาอาหารได้ไกลกว่า โดยรัศมีการหากินของชันโรงปากหมูสามารถบินหาเกสรและน้ำหวานได้ในรัศมี 500 เมตร ให้ผลผลิตน้ำผึ้งมากกว่าชันโรงขนเงิน

และนอกจากนั้นคุณเดียร์ได้นำเข้าและปลูก ต้นมานูก้า ซึ่งเป็นไม้ดอกที่มีชื่อเสียงระดับโลกในเรื่องของน้ำผึ้งคุณภาพสูง โดยเฉพาะ น้ำผึ้งมานูก้า ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็น น้ำผึ้งที่มีมูลค่าสูงและดีที่สุดในโลก ซึ่งในประเทศนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย ต้นมานูก้าจะออกดอกมากในช่วงเดือนธันวาคม แต่เมื่อปลูกในเมืองไทย ต้นมานูก้าสามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี ทำให้ชันโรงสามารถเก็บน้ำหวานได้อย่างต่อเนื่อง ดอกมานูก้ามี รสชาติซ่าและเผ็ดเล็กน้อย พร้อมคุณสมบัติเด่นในการ ต้านอนุมูลอิสระ

 

 

การเพิ่มมูลค่าให้กับน้ำผึ้งชันโรง

น้ำผึ้งชันโรงเป็นผลิตภัณฑ์จากผึ้งชันโรง ที่มีคุณสมบัติเด่นกว่าน้ำผึ้งทั่วไปในหลายด้าน ทั้งทางโภชนาการและสรรพคุณทางยา โดยมีกรดอะมิโนจำเป็นและเอนไซม์ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าน้ำผึ้งทั่วไป มีน้ำตาลธรรมชาติที่ร่างกายดูดซึมง่าย เช่น ฟรุกโตสและกลูโคส

น้ำผึ้งชันโรงสามารถนำไปเป็นส่วนผสมใน แชมพู สบู่ น้ำยาล้างผัก และน้ำยาอเนกประสงค์ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังสามารถนำมาใช้ในเมนูเครื่องดื่มสำหรับคาเฟ่ โดยมีน้ำผึ้งชันโรงเป็นวัตถุดิบพิเศษ ช่วยสร้างเอกลักษณ์และเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจได้อย่างยอดเยี่ยม

 

ซึ่งตัวอย่างการแปรรูปน้ำผึ้งชันโรงสามารถทำได้โดยการนำ ดอกไม้สด มาดองกับน้ำผึ้งชันโรงเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ โดยเริ่มจากการล้างดอกไม้ให้สะอาดและใส่ลงในกระปุก จากนั้นเติมน้ำผึ้งชันโรงลงไป หมักทิ้งไว้ไม่ต่ำกว่า 3 เดือน กระบวนการนี้ทำให้ดอกไม้ซึมซาบคุณสมบัติของน้ำผึ้ง ซึ่งทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วย บำรุงหัวใจ ต้านอนุมูลอิสระ และเสริมภูมิคุ้มกัน

 

 

จุดเริ่มต้นของการทำเกษตรร่วมกัน การสร้างฟาร์มเกื้อกูลระหว่างคุณเดียร์และคุณอีฟ

คุณเดียร์และคุณอีฟเริ่มต้นการทำเกษตรร่วมกันจากการพบกันครั้งแรกที่ค่ายอบรม รวมพล คน CMS (Crisis Management and Survival Camp) จากการอบรม Crisis Management and Survival Camp ขยายผลไปสู่การสร้าง “ฐาน 4 พอ” เพื่อเป็นคลังอาหารที่พอกิน พออยู่ พอใช้ และสร้างความ พอร่มเย็น ให้กับโลก ถึงจะไม่ใช่ค่ายอบรมเกษตรและทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ต่างคนต่างมีความสนใจในเรื่องของเกษตร ระบบนิเวศ และ แมลง จึงตัดสินใจร่วมกันสร้างฟาร์มขึ้น โดยในช่วงแรกของการเริ่มต้น มีคำถามจากคนในพื้นที่เกี่ยวกับความเป็นไปได้ แต่ทั้งคุณเดียร์และคุณอีฟใช้เวลาและความตั้งใจเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เกษตรเกื้อกูล เป็นสิ่งที่ทำได้จริง และสามารถประสบความสำเร็จได้

ทั้งสองคนเชื่อว่าการทำเกษตรไม่จำเป็นต้องทำเพียงคนเดียว แต่สามารถร่วมมือและช่วยกันพัฒนาได้ โดยในปัจจุบันได้มีการสร้าง แบรนด์ VANYA ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงเกษตรที่ลงตัวระหว่างการเลี้ยงผึ้งชันโรงและการปลูกดอกไม้ ทำให้ได้ น้ำผึ้งคุณภาพสูง ที่สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม โดยการผสมเกสรจากผึ้งช่วยเพิ่มคุณค่าทางธรรมชาติให้กับดอกไม้ที่ใช้ในการแปรรูปนี้ 

 

 

การทำเกษตรเกื้อกูลกับธรรมชาติ สร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืน

จะเห็นได้ว่าการทำเกษตรที่ดีอาจไม่ใช่แค่การปลูกพืชเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศที่ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเกื้อกูลกันได้ สิ่งที่คุณอีฟและคุณเดียร์ทำไม่ใช่แค่การปลูกดอกไม้และเลี้ยงผึ้งชันโรง แต่คือการสร้าง ระบบนิเวศ ที่เชื่อมโยงทุกส่วนเข้าด้วยกันอย่างมีความสมดุล การทำเกษตรแบบ เกื้อกูลกับธรรมชาติ หรือ Biodynamic Agriculture ที่ทั้งสองได้เรียนรู้ เป็นมากกว่าการทำเกษตรอินทรีย์ เพราะไม่เพียงแค่ปลอดสารพิษ แต่ยังช่วยฟื้นฟูดินและระบบนิเวศให้แข็งแรงขึ้น

การทำเกษตรในแบบนี้ไม่ใช่แค่การปลูกพืชเท่านั้น แต่ต้องมีความเข้าใจใน ฤดูกาล และ วงจรชีวิตของพืช รวมถึงการรู้จัก จังหวะธรรมชาติ ซึ่งคุณอีฟและคุณเดียร์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ธรรมชาติ คือสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุด หากเราเข้าใจและออกแบบให้ถูกต้อง

 

 

สามารถรับชมรายการยังสามารถที่ Link

 

สนับสนุนโดย #กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ 

#ยังสามารถ #ํYoungSmartFarmer #เกษตรเกื้อกูล #ระบบนิเวศเกษตร #พืชและแมลง #เกษตรปลอดสาร #การแปรรูปดอกไม้ #ฟาร์มยั่งยืน #แมลงและการเกษตร #ความยั่งยืนทางเกษตร #เกษตรสัญจร

 

……………………………………… 

เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร 

ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกษตรเพิ่มเติมได้ที่ :
𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸: เกษตรสัญจร
𝗬𝗼𝘂𝗧𝘂𝗯𝗲: youtube.com/c/Kasetsanjorn
𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸: tiktok.com/@kasetsanjorn
𝗦𝗵𝗼𝗽𝗲𝗲: shopee.co.th/kasetsanjorn

𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗢𝗳𝗳𝗶𝗰𝗶𝗮𝗹: @kasetsanjorn
𝗕𝗹𝗼𝗰𝗸𝗱𝗶𝘁: blockdit.com/kasetsanjorn/
𝗧𝘄𝗶𝘁𝘁𝗲𝗿: twitter.com/kasetsanjorn/
𝗪𝗲𝗯𝘀𝗶𝘁𝗲:  kasetsanjorn.com

 

 

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine
Tags: การแปรรูปดอกไม้ความยั่งยืนทางเกษตรพืชและแมลงฟาร์มยั่งยืนระบบนิเวศเกษตรเกษตรปลอดสารเกษตรเกื้อกูลแมลงและการเกษตร
เกษตรสัญจรออนไลน์

เกษตรสัญจรออนไลน์

Related Posts

สอนศิริฟาร์มควายไทย เปิดเส้นทางฟาร์มควายไทย

สอนศิริฟาร์มควายไทย เปิดเส้นทางฟาร์มควายไทย

พฤษภาคม 21, 2025
ไร่คืนรัง ฟาร์มสเตย์ เกษตรผสานท่องเที่ยว

ไร่คืนรัง ฟาร์มสเตย์ เกษตรผสานท่องเที่ยว

พฤษภาคม 13, 2025
เลี้ยงหมูเพื่อลดต้นทุนเลี้ยงวัว “โคสง่าฟาร์ม”

เลี้ยงหมูเพื่อลดต้นทุนเลี้ยงวัว “โคสง่าฟาร์ม”

พฤษภาคม 6, 2025
เกษตรที่เกื้อกูลธรรมชาติและเพิ่มคุณค่าให้พืชท้องถิ่น “ไร่สุขพ่วง”

เกษตรที่เกื้อกูลธรรมชาติและเพิ่มคุณค่าให้พืชท้องถิ่น “ไร่สุขพ่วง”

เมษายน 30, 2025
แทนคุณออร์แกนิคฟาร์ม 

แทนคุณออร์แกนิคฟาร์ม 

เมษายน 18, 2025
“ณัฐ ณัฐวุฒิ จันทร์เรือง” ใช้เทคโนโลยี IOT เปลี่ยนการดูแลสวนทุเรียน

“ณัฐ ณัฐวุฒิ จันทร์เรือง” ใช้เทคโนโลยี IOT เปลี่ยนการดูแลสวนทุเรียน

เมษายน 18, 2025

Browse by Category

  • advertorial
  • ข่าวเกษตร
  • บทความ
  • พืชเศษรฐกิจใหม่
  • ยังสามารถ
  • สมาร์มฟาร์ม
  • หลักสูตรอบรม
  • เกษตรกรหญิง
  • เกษตรกูรู
  • เกษตรสัญจรคลิป
  • เกษตรเคล็ดลับ
CLICK TO VERIFY: This site uses a GlobalSign SSL Certificate to secure your personal information.
Facebook Twitter Youtube Line

© 2022 เกษตรสัญจร

Welcome Back!

OR

Login to your account below

Forgotten Password? Sign Up

Create New Account!

OR

Fill the forms below to register

All fields are required. Log In

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In

Add New Playlist

No Result
View All Result
  • หน้าหลัก
  • ร้านค้า
  • เข้าสู่ระบบเรียนออนไลน์
  • หลักสูตรอบรม
  • เกี่ยวกับเรา
  • เงื่อนไขและนโยบายข้อมูลส่วนบุคลล (PDPA)

© 2022 เกษตรสัญจร


Warning: Attempt to read property "user_url" on bool in /home/zdfcszwp/public_html/kasetsanjorn.com/wp-content/plugins/wp-seo-structured-data-schema-pro/lib/functions/KcSeoOptions.php on line 7