• หน้าหลัก
  • ร้านค้า
  • เข้าสู่ระบบเรียนออนไลน์
  • หลักสูตรอบรม
  • เกี่ยวกับเรา
  • เงื่อนไขและนโยบายข้อมูลส่วนบุคลล (PDPA)
เกษตรสัญจร - Kasetsanjorn
ADVERTISEMENT
  • หน้าหลัก
  • ข่าวเกษตร
  • บทความ
    • เกษตรเคล็ดลับ
    • สมาร์ทฟาร์ม
    • เกษตรกูรู
    • พืชเศรษฐกิจใหม่
    • เกษตรกรหญิง
  • ร้านค้า
  • หลักสูตรอบรม
  • เข้าสู่ระบบเรียนออนไลน์
  • เกี่ยวกับเรา
    • Contact Us
    • เงื่อนไขและนโยบายข้อมูลส่วนบุคลล (PDPA)
No Result
View All Result
  • หน้าหลัก
  • ข่าวเกษตร
  • บทความ
    • เกษตรเคล็ดลับ
    • สมาร์ทฟาร์ม
    • เกษตรกูรู
    • พืชเศรษฐกิจใหม่
    • เกษตรกรหญิง
  • ร้านค้า
  • หลักสูตรอบรม
  • เข้าสู่ระบบเรียนออนไลน์
  • เกี่ยวกับเรา
    • Contact Us
    • เงื่อนไขและนโยบายข้อมูลส่วนบุคลล (PDPA)
No Result
View All Result
เกษตรสัญจร
No Result
View All Result
Home ยังสามารถ

เกษตรที่เกื้อกูลธรรมชาติและเพิ่มคุณค่าให้พืชท้องถิ่น “ไร่สุขพ่วง”

เปลี่ยนไร่ให้เป็นเกษตรที่เกื้อกูล

เกษตรสัญจรออนไลน์ by เกษตรสัญจรออนไลน์
เมษายน 30, 2025
in ยังสามารถ
0
เกษตรที่เกื้อกูลธรรมชาติและเพิ่มคุณค่าให้พืชท้องถิ่น “ไร่สุขพ่วง”
0
SHARES
2
VIEWS
Share on FacebookShare on TwitterShare on LINE
ADVERTISEMENT

 

“ซุ้มไผ่ไร้คาร์บอน” นวัตกรรมฟาร์มยั่งยืน สู้วิกฤติอากาศร้อน

 

 

พ็อต อภิวรรษ สุขพ่วง เจ้าของ ไร่สุขพ่วง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เกษตรกรที่มุ่งเน้นการทำเกษตรอินทรีย์ ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์พืชท้องถิ่นเพื่อสร้างความยั่งยืน และความมั่นคงทางอาหาร ท่ามกลางปัญหาสภาพอากาศร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร และเพิ่มต้นทุนการเพาะปลูก ด้วยแนวคิด “พลิกวิกฤติเป็นโอกาส” พ็อตจึงสร้าง “ซุ้มไผ่ไร้คาร์บอน” โครงสร้างจากไม้ไผ่ธรรมชาติที่ช่วยลดอุณหภูมิภายในฟาร์มได้ถึง 10 องศาเซลเซียส ช่วยให้พืชเติบโตได้ดีขึ้น ลดการใช้น้ำ และช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศ

 

 

ทำไมต้องซุ้มไผ่ไร้คาร์บอน?

 

 

  1. ไม้ไผ่เติบโตเร็ว ดูดซับคาร์บอน ได้ดี ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก
  2. โครงสร้างไผ่สร้างร่มเงาธรรมชาติ ลดความร้อนสะสม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. ช่วยกักเก็บความชื้นในดิน ลดการใช้น้ำ และปกป้องพืชจากแสงแดดจัด
  4. ใช้วัสดุจากธรรมชาติ ลดต้นทุน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ซึ่งราชบุรีเป็นพื้นที่ที่มีสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง พ็อตจึงเลือกปลูกพืชที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ พร้อมกับสร้างระบบเกษตรฟื้นฟูโดยใช้พืชท้องถิ่น เพื่อช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน และสร้างระบบนิเวศที่สมดุล “ซุ้มไผ่ไร้คาร์บอน” เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของนวัตกรรมเกษตรที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และสร้างความยั่งยืนให้กับภาคการเกษตรไทยในระยะยาว

 

 

ผักกูด พืชมหัศจรรย์ เปลี่ยนพื้นที่แห้งแล้งให้กลับมาชุ่มชื้น

 

 

ผักกูด เป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ชุ่มชื้นและร่มรื่น มักพบตามป่าธรรมชาติหรือริมน้ำ แต่สิ่งที่ทำให้ผักกูดน่าสนใจคือ ความสามารถในการฟื้นฟูระบบนิเวศ ผักกูดเป็นพืชในตระกูลเดียวกับเฟิร์น ซึ่งเป็นพืชที่พบมากในป่าฝน ดังนั้น หากสามารถปลูกผักกูดให้เจริญเติบโตได้ในพื้นที่แห้งแล้ง นั่นหมายถึงการช่วยปรับสภาพแวดล้อมให้กลับมามีความชุ่มชื้น และเอื้อต่อการเติบโตของพืชชนิดอื่น

3 ปัจจัยสำคัญในการปลูกผักกูดให้เติบโตเร็ว

  1. ร่มเงา  ผักกูดเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีแสงแดดรำไร ควรปลูกใต้ร่มไม้หรือทำร่มเงาจำลอง
  2. แหล่งน้ำ  ควรมีความชื้นในดินอย่างสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยให้ดินแห้งจนเกินไป
  3. อุณหภูมิที่เหมาะสม  ผักกูดต้องการสภาพแวดล้อมที่เย็นสบาย การปลูกในพื้นที่ร่มชื้นจะช่วยให้เติบโตได้ดี

การปลูกผักกูดไม่เพียงแต่ให้ผลผลิตที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ยังช่วย ปรับสมดุลของระบบนิเวศ ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ เพิ่มความชุ่มชื้นในพื้นที่ และเป็นแหล่งอาหารของสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ ถือเป็นพืชที่ช่วยฟื้นฟูพื้นที่แห้งแล้งให้กลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง 

 

 

เทคนิคแบ่งโซนแดดในฟาร์ม เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดความร้อน

 

 

ที่ไร่สุขพ่วง มีการออกแบบพื้นที่ปลูกพืชโดยคำนึงถึงทิศทางของแสงแดด ซึ่งแบ่งออกเป็น โซนแดดเช้า และ โซนแดดบ่าย เนื่องจากแดดเช้าให้ความเย็นสบาย ในขณะที่แดดบ่ายมีความร้อนสูง การเลือกปลูกพืชให้เหมาะสมกับสภาพแสงจึงเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มผลผลิตและลดผลกระทบจากอุณหภูมิที่ร้อนจัด

การจัดการพื้นที่ปลูกพืชตามโซนแดด

โซนแดดเช้า  อากาศเย็นสบาย เหมาะกับพืชที่ต้องการร่มเงาและไม่ทนความร้อนสูง เช่น ผักกูด  ชอบความชื้นและแสงแดดรำไร โกโก้  เติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่เย็นและชื้น กาแฟ  ต้องการแสงแดดอ่อน ๆ และอุณหภูมิที่ไม่ร้อนจัด

โซนแดดบ่าย  มีความร้อนสูง เหมาะกับพืชที่ชอบแดดจัดและทนความร้อนได้ดี เช่น สับปะรด  ทนแล้งและต้องการแสงแดดเต็มที่ กล้วย  ระบบรากช่วยรักษาความชุ่มชื้นและสร้างร่มเงาให้พืชอื่น

หนึ่งในวิธีที่ใช้ในไร่สุขพ่วงคือ ฉากบังเพลิง ซึ่งช่วยลดความร้อนในโซนแดดบ่าย ทำให้พืชเติบโตได้ดีขึ้น ลดความเครียดจากอุณหภูมิสูง และช่วยรักษาความชื้นในดิน ซึ่งต้นไม้แต่ละชนิดมีความต้องการแสงแดดที่แตกต่างกัน คล้ายกับคนและสัตว์ที่มีนิสัยเฉพาะตัว หากเลือกปลูกให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม ก็จะช่วยให้พืชเติบโตได้ดี ผลผลิตมีคุณภาพ และฟาร์มมีความสมดุลอย่างยั่งยืน 

 

 

เทคนิคแยกโซนต้นไม้ ป้องกันการแย่งพื้นที่ระหว่างไผ่กับพืชอื่น

 

 

ที่ไร่สุขพ่วง มีการจัดการพื้นที่ปลูกพืชอย่างชาญฉลาดเพื่อป้องกัน ต้นไม้ทะเลาะกัน โดยเฉพาะระหว่างต้นไผ่ กับพืชชนิดอื่น เนื่องจากไผ่เป็นพืชที่มีระบบรากแผ่ขยายกว้าง หากปลูกพืชอื่นใกล้ ๆ อาจทำให้เติบโตได้ไม่ดี

เทคนิคป้องกันรากไผ่รบกวนพืชอื่น

ทำร่องดินกั้นรากไผ่

  1. ขุดร่องดินลึก 1 – 1.2 เมตร ซึ่งเป็นระดับที่รากไผ่หยุดขยายตัว
  2. ช่วยควบคุมทิศทางการเติบโตของรากไผ่ให้อยู่ในขอบเขต
  3. ลดการแข่งขันแย่งอาหารและน้ำระหว่างไผ่กับพืชอื่น

เลือกพืชที่เหมาะสมปลูกคู่กับไผ่

  1. พื้นที่ด้านข้างของร่องดินถูกจัดเป็นโซนปลูกพืชอื่นที่ต้องการความชุ่มชื้น
  2. ผักกูด ถูกเลือกให้เป็นพืชทดลอง เพราะเป็นพืชที่ท้าทาย ถ้าผักกูดสามารถเติบโตได้ข้างกอไผ่ แสดงว่าพืชชนิดอื่น ๆ ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้

ซึ่งในธรรมชาติ รากของไผ่ที่อายุ 5 ปี กับอายุ 50 ปี จะมีความลึกเท่ากันที่ประมาณ 1 – 1.2 เมตร ดังนั้น การขุดร่องดินถึงระดับนี้จะเป็นจุดตัดรากที่ช่วยให้พืชอื่นเจริญเติบโตได้ดีขึ้น

 

 

ดินขุยไผ่ สุดยอดดินธรรมชาติ อุดมจุลินทรีย์ มีประโยชน์กว่าที่คิด!

 

 

ดินขุยไผ่ถือเป็นหนึ่งในดินที่ดีที่สุดสำหรับการเพาะปลูก เพราะรากไผ่อุดมไปด้วยเชื้อราและแบคทีเรียที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค นอกจากนี้ ระบบนิเวศรอบกอไผ่ยังเต็มไปด้วยปลวก แมลงดิน และจุลินทรีย์ที่ช่วยย่อยสลายอินทรียวัตถุให้กลายเป็นปุ๋ยตามธรรมชาติ ภายในระยะเวลาเพียง 25 วัน ทำให้ดินบริเวณกอไผ่อุดมสมบูรณ์และเหมาะสำหรับการเพาะปลูกโดยไม่ต้องพึ่งพาปุ๋ยเคมี

 

 

ระบบจัดการน้ำแบบยั่งยืนของไร่สุขพ่วง ใช้ธรรมชาติดูแลธรรมชาติ

 

 

ไร่สุขพ่วง มีแนวคิดจัดการน้ำที่เน้นการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยอาศัยหลักการพื้นฐานว่า “น้ำจะไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเสมอ” ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นแนวทางหลักในการออกแบบระบบน้ำของฟาร์ม

 

1. ระบบน้ำเปรียบเสมือนระบบไหลเวียนโลหิตของร่างกาย

– เปรียบเทียบพื้นที่เกษตรเหมือนร่างกายมนุษย์ ที่ต้องมีทั้ง เส้นเลือดใหญ่และเส้นเลือดฝอย เพื่อกระจายน้ำไปทั่วพื้นที่

– มีการขุด ร่องน้ำเชื่อมโยงกันทั่วฟาร์ม เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของน้ำอย่างเป็นธรรมชาติ

– ลดต้นทุนแทนการใช้สปริงเกอร์ ใช้แรงโน้มถ่วงให้ทำงานแทน

 

2. “ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ”  ระบบบำบัดน้ำก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ

– นำน้ำจากแหล่งน้ำเดิมมาผสมกับน้ำเสีย และผ่านกระบวนการบำบัดทางธรรมชาติ

– ใช้พืชน้ำและพืชกึ่งบกกึ่งน้ำ ในการดูดซับสารพิษ โลหะหนัก และมลพิษ

– ทำให้น้ำที่ปล่อยกลับลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติมีคุณภาพดี และช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศ

 

3. แก้มลิง ระบบกักเก็บน้ำเพื่อใช้ตลอดทั้งปี

– ไร่สุขพ่วงอยู่ นอกเขตชลประทาน จึงต้องพึ่งพาน้ำฝนเป็นหลัก

– ใช้ แก้มลิง กักเก็บน้ำส่วนเกินช่วงฤดูฝน เพื่อใช้ในช่วงฤดูแล้ง

– พื้นที่กักเก็บน้ำ 1 ใน 4 ส่วนของฟาร์ม (จาก 25 ไร่) ถูกใช้ในการทำ ประมง เลี้ยงปลา เพื่อสร้างรายได้เสริม

 

4. เมื่อดินชุ่ม น้ำสมบูรณ์ ธรรมชาติก็ฟื้นคืนตัวเอง

– ด้วยการบริหารจัดการน้ำที่ดี ทำให้ฟาร์มไม่มีปัญหาภัยแล้ง

– ความชุ่มชื้นตลอดปี ส่งผลให้พืชท้องถิ่นงอกขึ้นเองโดยไม่ต้องปลูก

– หนึ่งในพืชที่ฟื้นตัวได้เองคือ ตำลึง ซึ่งเป็นตัวอย่างของธรรมชาติที่คืนความอุดมสมบูรณ์กลับมา

“น้ำคือชีวิต” และไร่สุขพ่วงสามารถบริหารจัดการได้อย่างสมดุล เมื่อฟาร์มสามารถควบคุมน้ำให้เพียงพอและกระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเกิดระบบนิเวศที่สมบูรณ์ พืชเติบโตดี ดินมีชีวิต และฟาร์มสามารถอยู่รอดได้อย่างยั่งยืน

 

 

ตำลึง จากวัชพืชริมรั้ว สู่ซุปเปอร์ฟู้ดเพิ่มมูลค่า

 

 

ความชุ่มชื้นของไร่สุขพ่วงตลอดทั้งปีส่งผลให้ พืชท้องถิ่นหลายชนิดงอกงามขึ้นเองตามธรรมชาติ หนึ่งในนั้นคือ ตำลึง พืชพื้นบ้านที่มักถูกมองข้าม แต่พ็อตกลับมองเห็นศักยภาพบางอย่าง และต่อยอดให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์สุดพิเศษ “ผงตำลึงซุปเปอร์ฟู้ด” ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหาร และสามารถเพิ่มมูลค่าจากตำลึงธรรมดาได้มากถึง 12 เท่า

ตำลึง พืชพื้นบ้านที่มีคุณค่ามากกว่าที่คิด ซึ่งคนไทยรู้จักตำลึงมานาน โดยมีฤทธิ์เป็นยาเย็น ช่วยปรับสมดุลร่างกาย ตำลึงเป็นพืชที่เลือกที่ขึ้น หากไม่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม จะปลูกไม่ขึ้น และคนทั่วไปนิยมกินเฉพาะยอด แต่ส่วนที่มีประโยชน์มากที่สุดคือ “ใบหนุ่มสาว” ซึ่งไม่แก่และไม่อ่อนจนเกินไป จึงเลือกนำมาแปรรูป

การนำพืชที่มีอยู่ในชุมชนมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ คือแนวคิดของ Creative Economy เป็นการใช้ทรัพยากรเดิมให้เกิดประโยชน์ ดีกว่าการมองหาสิ่งใหม่ที่ต้องลงทุนเพิ่ม ซึ่งตำลึงเป็น พืชพื้นบ้านที่ไม่ต้องดูแลมากก็เติบโตได้เองตามธรรมชาติและเป็นพืชที่คนไทยรับประทานมานานหลายร้อยปี จึงควรค่าแก่การอนุรักษ์และพัฒนา

การเปลี่ยนตำลึงให้เป็น ซุปเปอร์ฟู้ด ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นการ อนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น และสร้างแนวทางใหม่ให้กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพืชพื้นบ้านได้อย่างยั่งยืน จากตำลึงราคากำละ 5 บาท สู่ผงตำลึงซุปเปอร์ฟู๊ด กิโลกรัมละ 5,000 บาท ซึ่งพร้อมไปด้วยคุณค่าและคุณประโยชน์มากมาย

 

 

จากพืชท้องถิ่นสู่ผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ เพิ่มมูลค่าด้วยภูมิปัญญาชุมชน

 

 

นอกจาก “ตำลึง” ที่ถูกนำมาแปรรูปเป็น ซุปเปอร์ฟู้ด แล้ว กระเจี๊ยบแดง ก็เป็นอีกหนึ่งพืชที่ได้รับการต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่า ด้วยคุณสมบัติที่ ทนแล้ง ปลูกง่าย โตไว สามารถแซมปลูกในพื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้านได้ อีกทั้งยังมีเอกลักษณ์โดดเด่น ทั้ง กลิ่น สี และรสชาติ ทำให้สามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปที่หลากหลาย

กระเจี๊ยบแดง เป็นพืชพื้นบ้านมากประโยชน์ ปลูกง่าย โตไว ทนแล้ง เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ต้องการลดต้นทุน มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ สามารถนำไปแปรรูปเป็นอาหารและเครื่องดื่ม และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพ ซึ่งชาวบ้านได้ร่วมกันปลูก กระเจี๊ยบแดง และนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า เช่น ไซรัปกระเจี๊ยบ ส้มตำกระเจี๊ยบ และกระเจี๊ยบปากหม้อ 

 

 

อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์แปรรูปที่โดดเด่นจาก ไร่สุขพ่วง คือ ไซรัปอ้อยโดยการนำ อ้อย ซึ่งเป็นพืชท้องถิ่นที่ปลูกอยู่แล้ว มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่า จากอ้อยเพียง 1-2 ไร่ สามารถสร้างรายได้เทียบเท่ากับการปลูกอ้อยแบบเดิมที่ใช้พื้นที่กว่า 100 ไร่ นับเป็นตัวอย่างของการใช้ ภูมิปัญญาชุมชน เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร

ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากพืชท้องถิ่นเหล่านี้สามารถหาซื้อได้ที่ ตลาดสุขพ่วงพ่วงสุข ตลาดชุมชนที่มีแนวคิดทันสมัย ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าและสแกนจ่ายเองได้โดยไม่ต้องมีแม่ค้า บางร้านเป็น ตลาดคุณธรรม ที่เน้นความซื่อสัตย์และช่วยเหลือเกษตรกรในชุมชน

การแปรรูปพืชท้องถิ่น ไม่เพียงช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิต แต่ยังเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างอาชีพ พัฒนาเศรษฐกิจชุมชน และสร้างความสุขให้ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค จากธรรมชาติ สู่ผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ ที่เติมเต็มทั้งรายได้และรอยยิ้มให้กับคนในชุมชน

 

 

“ไร่สุขพ่วง” ความสุขที่แบ่งปัน สู่เศรษฐกิจพอเพียงที่ยั่งยืน

 

“ไร่สุขพ่วง” ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่ทำการเกษตร แต่เป็นแนวคิดที่สะท้อนถึง “การค้นพบความสุขผ่านความพอเพียง” เราเชื่อว่า ความสุขที่แท้จริง ไม่ได้เกิดขึ้นจากการมีเพียงลำพัง แต่เกิดจากการแบ่งปันและเกื้อกูลกันในสังคม

หากเรามีความสุขอยู่เพียงลำพัง ท่ามกลางสังคมที่เต็มไปด้วยความทุกข์ เราจะมีความสุขที่แท้จริงได้อย่างไร? เช่นเดียวกับ “ความพอเพียง” ที่ไม่ใช่แค่การพึ่งพาตนเองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมี “ระบบเศรษฐกิจที่สมดุล” เข้ามาเสริม เพื่อให้เกิดการแบ่งปันทรัพยากร ช่วยเหลือกัน เกื้อกูลกัน และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับทุกคน เมื่อทุกคนมีความสุขไปพร้อมกัน สังคมก็จะเป็นสังคมที่ดีและยั่งยืน นี่คือ “สุขพ่วง” ที่หมายถึง ความสุขที่เชื่อมโยงและแบ่งปันกันอย่างแท้จริง

 

 

สามารถรับชมรายการยังสามารถที่ Link

 

 

 

สนับสนุนโดย #กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ 

#ยังสามารถ #YoungSmartFarmer #ซุ้มไผ่ไร้คาร์บอน #ฟาร์มยั่งยืน #เกษตรอินทรีย์ #ไร่สุขพ่วง #พืชท้องถิ่น #สร้างความยั่งยืน #วิกฤติอากาศร้อน #ฟาร์มออร์แกนิก #ผักกูด #ตำลึง #เกษตรสัญจร

 

……………………………………… 

 

เกษตรสัญจร สื่อเกษตรยุคใหม่ แหล่งข้อมูลสาระที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมเรื่องเด็ด เกษตรกูรู ศูนย์รวมความรู้และเทคนิคการทำเกษตร 

ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกษตรเพิ่มเติมได้ที่ :
𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸: เกษตรสัญจร
𝗬𝗼𝘂𝗧𝘂𝗯𝗲: youtube.com/c/Kasetsanjorn
𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸: tiktok.com/@kasetsanjorn
𝗦𝗵𝗼𝗽𝗲𝗲: shopee.co.th/kasetsanjorn

𝗟𝗜𝗡𝗘 𝗢𝗳𝗳𝗶𝗰𝗶𝗮𝗹: @kasetsanjorn
𝗕𝗹𝗼𝗰𝗸𝗱𝗶𝘁: blockdit.com/kasetsanjorn/
𝗧𝘄𝗶𝘁𝘁𝗲𝗿: twitter.com/kasetsanjorn/
𝗪𝗲𝗯𝘀𝗶𝘁𝗲:  kasetsanjorn.com

 

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine
Tags: ซุ้มไผ่ไร้คาร์บอนตำลึงผักกูดพืชท้องถิ่นฟาร์มยั่งยืนฟาร์มออร์แกนิกวิกฤติอากาศร้อนสร้างความยั่งยืนเกษตรอินทรีย์ไร่สุขพ่วง
เกษตรสัญจรออนไลน์

เกษตรสัญจรออนไลน์

Related Posts

สอนศิริฟาร์มควายไทย เปิดเส้นทางฟาร์มควายไทย

สอนศิริฟาร์มควายไทย เปิดเส้นทางฟาร์มควายไทย

พฤษภาคม 21, 2025
ไร่คืนรัง ฟาร์มสเตย์ เกษตรผสานท่องเที่ยว

ไร่คืนรัง ฟาร์มสเตย์ เกษตรผสานท่องเที่ยว

พฤษภาคม 13, 2025
เลี้ยงหมูเพื่อลดต้นทุนเลี้ยงวัว “โคสง่าฟาร์ม”

เลี้ยงหมูเพื่อลดต้นทุนเลี้ยงวัว “โคสง่าฟาร์ม”

พฤษภาคม 6, 2025
Biodynamic Agriculture   เกษตรแบบเกื้อกูลกับธรรมชาติ

Biodynamic Agriculture  เกษตรแบบเกื้อกูลกับธรรมชาติ

เมษายน 22, 2025
แทนคุณออร์แกนิคฟาร์ม 

แทนคุณออร์แกนิคฟาร์ม 

เมษายน 18, 2025
“ณัฐ ณัฐวุฒิ จันทร์เรือง” ใช้เทคโนโลยี IOT เปลี่ยนการดูแลสวนทุเรียน

“ณัฐ ณัฐวุฒิ จันทร์เรือง” ใช้เทคโนโลยี IOT เปลี่ยนการดูแลสวนทุเรียน

เมษายน 18, 2025

Browse by Category

  • advertorial
  • ข่าวเกษตร
  • บทความ
  • พืชเศษรฐกิจใหม่
  • ยังสามารถ
  • สมาร์มฟาร์ม
  • หลักสูตรอบรม
  • เกษตรกรหญิง
  • เกษตรกูรู
  • เกษตรสัญจรคลิป
  • เกษตรเคล็ดลับ
CLICK TO VERIFY: This site uses a GlobalSign SSL Certificate to secure your personal information.
Facebook Twitter Youtube Line

© 2022 เกษตรสัญจร

Welcome Back!

OR

Login to your account below

Forgotten Password? Sign Up

Create New Account!

OR

Fill the forms below to register

All fields are required. Log In

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In

Add New Playlist

No Result
View All Result
  • หน้าหลัก
  • ร้านค้า
  • เข้าสู่ระบบเรียนออนไลน์
  • หลักสูตรอบรม
  • เกี่ยวกับเรา
  • เงื่อนไขและนโยบายข้อมูลส่วนบุคลล (PDPA)

© 2022 เกษตรสัญจร


Warning: Attempt to read property "user_url" on bool in /home/zdfcszwp/public_html/kasetsanjorn.com/wp-content/plugins/wp-seo-structured-data-schema-pro/lib/functions/KcSeoOptions.php on line 7